การสอนให้ลูกรู้จักเคารพและให้เกียรติทั้งตัวเอง พ่อแม่ และคนอื่น อาจเป็นสิ่งที่ดูไกลตัวสำหรับเด็กเล็ก บางคนคิดว่ารอให้ลูกโตก่อนแล้วค่อยสอนก็ได้ แต่ที่จริงแล้ว เรื่องการเคารพไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถสอนเด็กๆ ด้วยปากเปล่าได้ แต่วิธีที่จะสอนให้เขาเข้าใจ คือพ่อแม่ต้องทำให้เด็กๆ ดูก่อน ด้วยการเคารพต่อสิทธิ ความคิด และการแสดงออกของลูก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถปฏิบัติต่อลูกได้ตั้งแต่เขายังเล็ก
การให้ความเคารพต่อเด็กจะทำให้เขาเติบโตไปพร้อมกับรากฐานในการรู้ว่า การเคารพผู้อื่นมีความสำคัญ ทุกคนมีสิทธิ มีศักดิ์ศรี และเด็กๆ ควรให้ความเคารพทั้งต่อพ่อแม่ คนอื่น รวมไปถึงตัวเขาเองด้วย
มาดูกันว่าในฐานะคุณพ่อคุณแม่ คุณควรให้ความเคารพเด็กๆ ในด้านไหนกันบ้าง
1. เคารพร่างกายของลูก
• การแสดงความรักไม่จำเป็นต้องใช้ร่างกายอย่างเดียว
การแสดงความรักด้วยการกอด การหอม และการสัมผัส เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทารกที่กำลังเติบโต เพราะเป็นวิธีการสื่อสารความรักให้ลูกเข้าใจ เด็กทารกจะรู้สึกอบอุ่น ต้องการการสัมผัส การปลอบโยน
แต่เมื่อลูกเริ่มสื่อสารถึงความต้องการของตัวเองได้ เขาอาจจะไม่อยากแสดงความรักด้วยการสัมผัส ดังนั้น ไม่ควรบังคับให้เขาแสดงความรัก ถ้าเขาไม่พร้อมหรือไม่ต้องการ
ในขณะเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนทางเลือกอื่นๆ ให้ลูกในการเข้าสังคม ทักทาย แสดงความรักต่อคนอื่นๆ ด้วยการพูดทักทาย การไหว้ แตะมือไฮไฟฟ์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องกอดหรือจูบ ถ้าเขาไม่ต้องการ ซึ่งจะทำให้ลูกเรียนรู้ตั้งแต่วัยเด็ก ว่าการแสดงความรักไม่ใช่เรื่องของการบังคับกัน และยังเป็นการแสดงความเคารพต่อสิทธิในร่างกายของเด็กๆ อีกด้วย
• เมื่อพวกเขาพูดว่า “ไม่” ก็คือไม่
การกระตุ้นเด็กๆ ด้วยการแหย่ จักจี้ จับก้น แล้วเด็กๆ หัวเราะคิกคักอาจเป็นเรื่องสนุก แต่ถ้าพวกเขาขอให้คุณหยุด ก็ควรหยุดตามคำขอ เพราะอย่าลืมว่านั่นคือร่างกายของเขา ไม่ใช่ของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งมันจะทำให้เขาเข้าใจว่าร่างกายเป็นของเขา และเขาจะกล้าสื่อสารออกมา เมื่อมีใครมายุ่งกับร่างกายตัวเอง
• เคารพความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
ร่างกายบางส่วนก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผยในที่สาธารณะ แม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่ก็ตาม ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรระวังเรื่องการเปลี่ยนเสื้อผ้าลูกในที่สาธารณะ การเข้าห้องน้ำ การอาบน้ำ โดยเฉพาะการเปิดเผยรูปโป๊เปลือยของลูกลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิเด็กเลยทีเดียว และยังอาจทำให้เกิดอันตรายกับลูกได้ด้วย
เคารพความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเท่าที่จะทำได้ สิ่งเหล่านี้จะสอนพวกเขาว่า ร่างกายของพวกเขาเป็นของตัวเอง และการดูแลร่างกายตัวเองก็เป็นความรับผิดชอบของพวกเขา
2. เคารพเสียงของลูก
• ตั้งใจฟังเสียงของลูก ไม่ใช่ฟังแค่ผ่านๆ
คุณเคยไม่พอใจเมื่อคุยกับใครบางคนแต่เขากลับมองไปทางอื่น หรือทำนู่นทำนี่ระหว่างที่คุณพูดหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ชอบแล้วทำไมเรายังทำแบบนี้บ่อยๆ กับลูก
เพราะบางเรื่องที่ลูกพูดอาจดูไม่สำคัญสำหรับผู้ใหญ่ แต่จริงๆ แล้วทุกเรื่องอาจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขา ถ้าเราปฏิเสธที่จะฟังเขาบ่อยเข้า เมื่อถึงจุดหนึ่ง ลูกอาจคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล่าอะไรให้เราฟัง แม้แต่เรื่องใหญ่ๆ เพราะเราไม่เคยตอบสนองเขาเลย
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหยุดและฟัง เน้นการสื่อสารที่ไม่ใช่คำพูดของคุณ มองเข้าไปในดวงตาของลูก พยักหน้าและถามคำถามเพื่อให้ลูกแน่ใจว่า คุณกำลังฟังและพยายามทำความเข้าใจ
แต่ก็มีบางครั้งที่เด็กๆ พูดไม่หยุด และบางครั้งเขาก็พูดแทรกวงสนทนาของผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กๆ ก็ควรเคารพสิทธิของคนอื่นเช่นกัน คุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการตกลงกันระหว่างคุณและลูก แทนที่เขาจะเดินเข้ามาขัดกลางวงสนทนา คุณอาจสอนให้ลูกมายืนข้างๆ หรือจับมือของคุณเมื่อเขามีสิ่งที่จะพูด แล้วคุณจึงหันมาให้ความสนใจโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเป็นการสอนให้เด็กๆ เคารพและอดทนที่จะไม่ขัดจังหวะการสนทนา
3. เคารพอารมณ์ของลูก
• ช่วยให้เด็กๆ เข้าใจอารมณ์ของตัวเองโดยไม่หลีกเลี่ยง
อารมณ์ของเด็กๆ วัยหัดเดินและเด็กเล็กเปลี่ยนง่ายยิ่งกว่ารถไฟเหาะ จากที่หัวเราะเฮฮา เขาอาจเปลี่ยนเป็นร้องไห้ได้ในเวลาไม่ถึงนาที
คุณพ่อคุณแม่จึงควรช่วยเด็กๆ หาคำอธิบาย ว่าพวกเขากำลังรู้สึกอย่างไร โกรธ อิจฉา หงุดหงิด หรือเบื่อ ซึ่งจะช่วยให้ลูกเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยไม่พยายามหลีกเลี่ยง หรือห้ามไม่ให้เขารู้สึกแบบนั้น เพราะการห้ามไม่ได้ช่วยอะไรหรอกจริงไหม
การช่วยให้ลูกเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง นอกจากจะทำให้เขารับมือกับตัวเองได้ดีขึ้นแล้ว จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเห็นอกเห็นใจ เข้าใจคนอื่นๆ และสามารถพัฒนาและเติบโตได้
4. เคารพในความแตกต่างของลูก
• เด็กทุกคนไม่เหมือนใคร
บางทีคุณอาจหวังให้ลูกจะว่านอนสอนง่ายเหมือนกับลูกคนอื่น หรือเรียนดีเหมือนเด็กคนอื่น เก่งกว่าเด็กคนอื่น คุณควรหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบเหล่านี้ เพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
เด็กๆ แต่ละคนมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ไม่เหมือนกัน มันจึงไม่ยุติธรรมและไม่สุภาพที่จะเปรียบเทียบเด็กๆ ด้วยมาตรฐานที่คุณคิดว่าถูกต้อง
แทนที่จะเปรียบเทียบ ควรสนับสนุนให้ลูกเติบโตในเชิงบวก มองหาจุดแข็งแล้วส่งเสริม ในขณะเดียวกันก็พัฒนาจุดอ่อนจะดีกว่า
• หลีกเลี่ยงการตีตรา
ควรหลีกเลี่ยงการตีตราเด็ก เช่น เด็กดื้อ เด็กเกเร เด็กขี้เกียจ ซึ่งจะทำให้ลูกรับรู้และมีภาพจำว่าเขาเป็นเด็กเช่นนั้น เมื่อคุณตีตราเขาบ่อยๆ ลูกก็จะเชื่อว่าเขาเป็นคนเช่นนั้น
หากจะตำหนิลูก ควรตำหนิที่พฤติกรรม ไม่ใช่เหมารวมว่าเขาเป็นคนอย่างไร
5. เคารพศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของลูก
• หลีกเลี่ยงการพูดถึงลูกในทางลบให้คนอื่นฟัง
เรื่องที่เด็กๆ ทำมักจะตลกอยู่เสมอ มันเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่จะเอาพฤติกรรมขำๆ ของลูกไปเล่าต่อด้วยความเอ็นดู แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว บางทีมันกลับเป็นเรื่องน่าอาย จึงควรหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเด็กๆ ในทางลบ โดยเฉพาะเมื่อเด็กอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
• อย่าหัวเราะเยาะเมื่อลูกกำลังทุกข์ใจหรืออารมณ์เสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
บางพฤติกรรมของลูกมันอาจดูตลกมาก อย่างตอนที่ลูกไม่ยอมออกจากห้องเพราะเพิ่งตัดผมมาใหม่ แต่คุณก็ไม่ควรหัวเราะ เพราะตอนนั้นเขาทุกข์ใจจริงๆ โดยเฉพาะการอัดคลิปวิดีโอหรือถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดีย ยิ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิของลูก เพราะเขาอาจไม่พอใจมากๆ เมื่อเห็นภาพตัวเองในตอนโต และมันอาจจะอยู่ในโซเชียลมีเดียไปตลอดก็ได้
เมื่อลูกๆ ไม่สบายใจ แม้จะเป็นเพราะเรื่องเพียงเล็กน้อย แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ควรแสดงความเห็นใจ และทำให้ลูกรู้สึกว่าคุณเข้าใจเขา เพราะมันแย่แค่ไหนเวลาที่คุณกำลังทุกข์ใจแล้วมีคนมาหัวเราะใส่คุณ
เมื่อเขาได้เห็นแบบอย่างการเคารพผู้อื่นจากคุณพ่อคุณแม่ และได้รับการเคารพร่างกาย จิตใจ ความคิด และอารมณ์ของเขา มันถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเขาก็จะเห็นความสำคัญของการเคารพผู้อื่นเช่นกัน
NO COMMENT