จากการศึกษาพบว่า การหลอกล่อให้เด็กรับประทานผัก อาจเป็นสาเหตุที่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกได้
จากวารสาร Appetite ผลการวิจัยพบว่า การบังคับให้เด็กรับประทานอาหาร จะทำให้เด็กรู้สึกไม่พอใจ และเกิดความตึงเครียดระหว่างรับประทานอาหาร นอกจากนี้ ยังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกอีกด้วย
ดร.จูลี่ ลูเม็ง (Dr Julie Lumeng) ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการและการเจริญเติบโตของมนุษย์ (U-M Center for Human Growth and Development) และกุมารแพทย์โรงพยาบาลเด็กซีเอสมอตต์ (C.S. Mott Children’s Hospital) อธิบายในแถลงการณ์ว่า
“พวกเราพบว่าตลอดช่วงเวลาการหัดเดินของเด็ก น้ำหนักจะสัมพันธ์กับการเติบโตของเด็ก ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกกินหรือไม่เลือกกินก็ตาม โดยพฤติกรรมการเลือกกินของเด็กจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก มันยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าพ่อแม่จะจู้จี้จุกจิกหรือไม่ก็ตาม”
ดร.จูลี่ อธิบายว่า คำว่าจู้จี้จุกจิกหรือช่างเลือก เป็นคำที่คนชอบใช้อธิบายพฤติกรรมรับประทานอาหารของเด็ก แต่การว่าเด็กแบบนั้นก็ไม่ได้ช่วยแก้พฤติกรรมการเลือกกินได้
แท้จริงแล้ว การเลือกรับประทานอาหารไม่ทำให้เกิดอาการแคระแกร็นหรือโรคขาดสารอาหาร ดังนั้น พ่อแม่ไม่ควรเสียเวลาในการพยายามให้เด็กรับประทานในสิ่งที่ไม่ชอบ
การขู่ว่าจะเอาอาหารทิ้งเพื่อให้เด็กรับประทานอาหาร อาจไม่ช่วยมากนัก “สำหรับพ่อแม่ ถ้าคุณจะกดดันให้เด็กรับประทานอาหาร คุณต้องมั่นใจว่ามันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับลูกได้” ดร.จูลี่ เสริม
วิธีการจัดการกับเด็กที่เลือกรับประทานอาหาร คือการทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้อาหารน่ารับประทานมากขึ้น
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) มีคำแนะสำหรับผู้ปกครองที่กังวลเกี่ยวกับเด็กที่เลือกกินว่า ให้เด็กลองรับประทานอาหารหลากหลายประเภท ถึงแม้ว่าจะยังไม่ชอบทานในตอนแรก แต่เมื่อพวกเขาได้ลองรับประทานอาหารหลายๆ ครั้ง ในที่สุด พวกเขาจะชอบทานอาหารนั้นไปเอง
เมื่อซื้ออาหารมาแล้วเด็กไม่รับประทาน ลองนำอาหารเหล่านั้นไปแช่แข็งไว้ในตู้เย็นก่อน และอีกอาทิตย์ค่อยลองเอามาผสมผสานกับอาหารใหม่ อาจช่วยให้เด็กรับประทานอาหารได้ง่ายขึ้น
CDC ยังกล่าวอีกว่า การที่เด็กชอบอาหารประเภทเดียว หรือไม่อยากให้อาหารบนจานสัมผัสกัน เป็นพฤติกรรมปกติของเด็ก และพฤติกรรมเหล่านี้จะหายไปเมื่อเด็กอายุ 5 ปี
ที่มา
News Week
.
NO COMMENT