READING

คุยกับคุณพ่อของลูกสาวที่ต้องผ่าตัดดวงตาตั้งแต่ 4 ข...

คุยกับคุณพ่อของลูกสาวที่ต้องผ่าตัดดวงตาตั้งแต่ 4 ขวบ: รักลูกอย่าปล่อยลูกไว้กับหน้าจอ

ยุคที่ ‘โทรศัพท์มือถือ’ กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตคนเรา เท่านั้นยังไม่พอ เพราะทั้งโทรศัพท์มือถือและหน้าจอของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ยังกลายเป็นผู้ช่วยหรือพี่เลี้ยงเด็ก ในเวลาที่พ่อแม่ต้องการให้ลูกอยู่ในความสงบ เพราะเพียงแค่เปิดยูทูบให้ลูกดูการ์ตูนไปเรื่อยๆ ลูกก็เหมือนจะอยู่ในโลกส่วนตัว และชั่วโมงต้องมนตร์ของพวกเขาไปได้อีกนาน

คุณหนุ่ย—เดชา ช่วยด้วง คุณพ่อของน้องณดา เด็กหญิงวัยสี่ขวบ ก็เคยเป็นหนึ่งในคุณพ่อที่ยอมให้โทรศัพท์มือถือเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกสาว ทำให้ลูกกลายเป็นเด็กติดโทรศัพท์มือถือ ไม่สนใจพ่อแม่ และสายตามีปัญหารุนแรง จนต้องผ่าตัดในที่สุด

หลังจากนั้น คุณหนุ่ยจึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวความผิดพลาดทางการเลี้ยงดู ที่ปล่อยลูกไว้กับโทรศัพท์มือถือมากเกินไปลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง และเล่ารายละเอียดให้ M.O.M ฟังอีกครั้ง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคุณพ่อคุณแม่หลายคน ที่กำลังนิ่งนอนใจ และปล่อยลูกไว้กับโทรศัพท์มือถือเช่นกัน

nada_2

โทรศัพท์มือถือเริ่มเข้าใกล้ชีวิตน้องณดาได้อย่างไร

ผมเปิดกิจการรับทำสติกเกอร์ รับงานหน้าร้าน ส่วนแฟนก็เลี้ยงลูก แต่บางวันที่หน้าร้านยุ่งมากๆ ผมทำคนเดียวไม่ทัน แฟนก็ต้องมาช่วย จึงจำเป็นต้องทิ้งน้องให้อยู่คนเดียว เด็กก็อยู่ไม่นิ่ง ผมเลยต้องเอาโทรศัพท์มือถือล่อไว้ เพราะเราต้องไปเคลียร์งานลูกค้าให้เสร็จ ก็จะให้ลูกดูมือถือไปก่อน

หลังจากนั้น น้องก็เริ่มขอเอาไปดูเอง บางครั้งเล่นนานเป็นชั่วโมงก็มี คือที่บ้านจะมีคอกเด็ก มีเบาะ เราก็ให้ลูกอยู่ในคอกกับไอแพด ผมไม่เห็นเลยว่าลูกดูอะไร หรือดูท่าไหน หันมาอีกทีเจอลูกนอนคว่ำ หน้าผากกับหน้าจอแทบจะชนกันอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าดูยังไง ทีนี้พอดูจอใกล้ดวงตามากๆ ตาทั้งสองข้างของเขาก็เริ่มเอียงเข้าหาจมูก

ตอนนั้นน้องณดาอายุเท่าไร

ช่วงขวบกว่าถึงสองขวบ พอสองขวบเต็ม ผมเลยส่งน้องไปโรงเรียน ที่ตัดสินใจให้ไปโรงเรียนเร็ว เพราะอยากให้ลูกแยกจากมือถือ และเราก็ไม่สามารถดูแลน้องและทำงานไปด้วยได้

นิสัยหรือสัญญาณที่แสดงว่าน้องเริ่มติดโทรศัพท์มือถือมากเกินไป

ที่เห็นได้ชัดเลยคือไม่ฟังเรา เรียกเท่าไรก็ไม่หัน มันก็ผิดปกติแล้ว เขาจดจ่อเพ่งอยู่กับมือถือ เราเริ่มรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว แล้วพอไม่ได้ดู เขาก็จะเอาให้ได้ อารมณ์ฉุนเฉียว โกรธง่าย สมาธิสั้น เอาแต่ใจตัวเอง ถ้าไม่ได้อะไรก็ร้องไห้โวยวาย

นอกจากพฤติกรรมเปลี่ยนแล้ว สายตาก็มีปัญหา

พอวัดค่าสายตาพบว่า สายตายาวประมาณ 200-250 ตาซ้ายเอียง แต่ตาขวาปกติ แล้วก็เริ่มใส่แว่น หมอบอกว่าให้พยายามหลีกเลี่ยงการให้น้องดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หรือถ้าทำได้ก็อย่าให้น้องดูเลย ผมก็พยายามลดลงเรื่อยๆ ให้เล่นแบบจำกัดเวลา เพราะเรารู้สึกว่าตาเขาเพี้ยนไปแล้ว ให้ดูเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้

nada_3

วิธีหลอกล่อไม่ให้น้องณดาเล่นโทรศัพท์มือถือ

ก็ทุกวิธีครับ ให้เล่นแป๊บเดียวก็บอกว่าจะเอามือถือไปชาร์จ แบตฯ จะหมดบ้าง หรือแกล้งโทร.เข้าเครื่องตัวเอง แล้วทำเป็นคุยกับลูกค้า แต่จริงๆ คุยอยู่คนเดียว หรือเอาไปแอบไม่ให้น้องเห็น เพราะถ้าไปแย่งมาจากมือตรงๆ จะเป็นเรื่อง ก็ต้องหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจ

นอกจากสายตาแล้ว ยังมีความผิดปกติของดวงตา

ตอนแรกๆ ดวงตาของน้องยังตรงอยู่นะครับ แต่วันหนึ่งมีลูกค้าสังเกตเห็น ว่าน้องตาเอียงข้างนึง ผมเองก็เคยเห็นหลายครั้ง แต่ว่ามันเอียงบ้าง ไม่เอียงบ้าง นานๆ เป็นที ถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่เห็นเลย ตอนเขาเผลอหรือเพ่งอะไรสักอย่าง ถึงจะเห็นว่าตาอีกข้างนึงมันไม่ได้ไปด้วยกันกับตาอีกข้าง ก็เลยสงสัยและเริ่มหาข้อมูล

คนที่ร้านก็ยกตัวอย่างของลูกพี่เปิ้ล นาคร ว่าเป็น lazy eye ตั้งแต่เล็กๆ และต้องผ่าตัดตั้งแต่เด็กเลย

ทำไมอาการน้องจึงถึงขั้นต้องผ่าตัด

เพราะตาน้องเอียงไม่หาย สายตาก็ไม่พัฒนาในทางที่ดีขึ้น คุณหมอพบว่าน้องมีอาการหลายอย่างผสมกัน ทั้ง lazy eye ด้วย ตาข้างนึงเอียงด้วย แล้วก็สายตายาวด้วย คุณหมอก็เลยตัดสินใจให้ผ่าตัดตั้งแต่สี่ขวบ เพื่อให้น้องใช้ตาสองข้างพร้อมกันได้ และถ้าผ่าตัดไว เด็กก็จะหายไวขึ้น

ตอนแรกผมยังไม่อยากให้ผ่าตัดตอนนี้ อยากให้เลยห้าขวบ แล้วค่อยดูอีกที เพราะคิดว่าถ้าเลยสี่ขวบไปแล้ว ระยะโฟกัสเขาน่าจะดีขึ้น แต่พบว่ามันไม่ดีขึ้น ต้องใส่แว่นตลอดเพื่อให้ตาตรง พอถอดแว่นก็จะเป็นอีก แต่น้องมองเห็นปกตินะครับ ไม่ได้ถึงขั้นวิ่งสะดุดหรือชนอะไร

อาการของ lazy eye เป็นอย่างไร

เพราะตาข้างขวาน้องปกติ ตาข้างนั้นก็จะเห็นชัด แต่ตาข้างซ้ายกลับกล้ามเนื้ออ่อนแรง กลายเป็นตาขี้เกียจที่มองเห็นไม่ชัด โฟกัสไม่เท่ากัน และพอตาข้างไหนเห็นชัด เขาก็จะเพ่งแต่ข้างนั้น ใช้ตาข้างเดียว ตาอีกข้างก็ยิ่งไม่ได้ใช้งาน เวลาไปโรงเรียนจะต้องปิดตาไปทุกวัน ปิดตาข้างที่ปกติ เพื่อให้เขาได้ใช้ตาข้างที่มีปัญหา

nada_4

การมองหน้าจอมือถือนานๆ ทำให้ดวงตาเอียงหรือตาเหล่ได้

คุณหมอบอกว่า ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน แต่การมองหน้าจอนานๆ เหมือนเป็นสิ่งที่กระตุ้นทำให้ตาแสดงอาการไวขึ้น ถ้าไม่โดนกระตุ้นก็จะเห็นช้าหน่อย เคยถามคุณหมอตอนฝากครรภ์ เขาบอกว่าไม่ได้เป็นกันทุกคน บางทีเป็นเพราะปมยีนด้อยของคุณพ่อคุณแม่มาเจอกันก็ได้

แต่เรารู้สึกว่าน้องเขาเริ่มเป็นหลังสองขวบ ไม่ได้เป็นตั้งแต่แรกเกิด เพราะเมื่อก่อนตาเขาก็ปกติดี

คุณหมอแนะนำเรื่องเด็กกับหน้าจอว่าอย่างไร

คุณหมอบอกว่า เด็กต่ำกว่าสองขวบห้ามดูเด็ดขาด ทั้งจอมือถือ จอทีวี หรือจอมีแสง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้ดูแค่ 10-15 นาที ก็พอแล้ว และถ้าเราเป็นคนถือให้เขาได้เองก็จะดี จะได้กะระยะห่างระหว่างจอกับตาลูกสักหนึ่งฟุต แสงจะได้ไม่เข้าตาเยอะ

วันที่น้องณดาเข้าผ่าตัดดวงตา

น้องเขายังเด็ก ยังไม่รู้ว่าจะโดนผ่าตัด มีแต่ผู้ใหญ่ที่รู้ และไม่ได้บอกน้อง วันนั้นพาน้องเข้าไปโรงพยาบาลตอนเที่ยง พอเข้าห้องผ่าตัด พอคุณหมอให้ยาสลบ  ผมก็ออกมาเลย

หลังจากผ่าตัดสักชั่วโมงหนึ่ง น้องฟื้นขึ้นมาก็ร้องลั่น (หัวเราะ) เพราะเขามองอะไรไม่เห็น ต้องปิดตาทั้งสองข้าง และยังเจ็บตาด้วย ผมก็คอยปลอบให้เขานิ่ง ไม่ให้ตกใจ แต่ไม่กี่ชั่วโมงก็เอาผ้าปิดตาออกได้ แล้วใช้ที่ครอบเป็นรูๆ ใส่แทน แล้วก็นอนโรงพยาบาลคืนเดียว

หลังจากผ่าตัดมาแล้ว ตาของน้องเป็นอย่างไรบ้าง

ตาซ้ายเริ่มตรง แต่ถ้าถอดแว่นก็จะเห็นว่ายังเอียงอยู่ ผมรอดูอาทิตย์หน้า น่าจะค่อยๆ ดีขึ้น

nada_5

ตอนนี้น้องกับโทรศัพท์มือถือก็ห่างจากกันแล้ว

ตอนนี้ต้องให้ลูกหยุดดูก่อน เราไม่ให้ลูกเห็นมือถือเลย ทีวีผมยังไม่เปิดเลยครับ แต่ว่าพวกจอคอมพิวเตอร์ที่เราทำงานมันห้ามไม่ได้ แต่จะก็ไม่เปิดให้ดู เปลี่ยนไปให้เขาเล่นปั้นดินน้ำมัน ระบายสี หรือเล่นตัวต่อแทน

อยากฝากอะไรถึงคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้ ที่เลี้ยงลูกด้วยหน้าจอเหมือนกันบ้าง

อยากให้เขาดูแลลูกให้ดี ผมรู้ว่าพ่อแม่ทุกคนอยากดูแลลูกให้ดีที่สุดอยู่แล้ว และทุกบ้านมีข้อจำกัดต่างกัน แต่หลักๆ ควรมีเวลาอยู่กับลูก และให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ ผมรู้สึกพลาดที่ปล่อยเขาไว้ ไม่ได้จำกัดและดูแลการดูหน้าจอมือถือของลูก

ขอบคุณภาพถ่ายจาก คุณหนุ่ย—เดชา ช่วยด้วง
สัมภาษณ์วันที่ 6 พฤศจิกายน 2561

Panitnun W.

'แพม' ไม่มีลูกเป็นของตัวเอง แต่รักเด็กเป็นชีวิตจิตใจ ว่างไม่ได้ต้องหาคลิปเด็กมาดู ถ้าได้ดูคลิปเด็กก่อนนอนนี่คือจะฟินมาก และที่ชอบมากอีกอย่างคือ แซลมอน ความฝันคือ ถ้ามีเงินจะเปิดฟาร์มแซลมอน

RELATED POST