4 เทคนิค พาลูกไปกินข้าวนอกบ้าน

ตอนลูกเป็นเด็กเล็ก เวลาคุณพ่อคุณแม่จะออกไปกินข้าวนอกบ้านแต่ละที ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก กลัวลูกจะร้องไห้งอแงบ้างล่ะ กลัวร้านจะไม่มีที่สำหรับเอารถเข็นเข้าไปบ้างล่ะ

แต่การพาลูกวัย 2-3 ขวบออกไปกินข้าวนอกบ้าน ถึงลูกจะโตพอสำหรับการนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นน่ากลัวสำหรับหลายบ้าน คุณลองคิดภาพดู เมื่อไปถึงที่ร้านอาหาร คุณเลือกโต๊ะเสร็จสรรพ ลูกตัวดีก็พร้อมจะออกไปท่องจักรวาลในร้านอาหารแห่งนั้นทันที เดี๋ยวก็เดินไปนู่นไปนี่ วิ่งเข้าใส่พนักงานเสริฟ์ที่กำลังถืออาหารจานร้อนออกมา หรือเอาหัวเข้าชนหัวมุมโต๊ะที่ได้ระดับพอดีเป๊ะ ไหนจะต้องรอให้อาหารมาเสิร์ฟ ยิ่งถ้าคนเยอะรอนาน ลูกรอนาน นอกจากจะยิ่งซนแล้ว ดีไม่ดียังร้องโวยวายอีก แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

วันนี้เราจึงมี 4 เทคนิคการพาลูกไปกินข้าวนอกบ้านมาฝาก อาจจะพอช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีความสุขกับการพาลูกออกไปกินข้าวนอกบ้านกันมากขึ้น

1. เลือกร้านอาหารที่พาลูกไปได้อย่างไม่ต้องกังวล

eatingout_web_1

ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากไปร้าน A แต่ร้านนี้เก้าอี้เด็กก็ไม่มี แถมมีแต่เก้าอี้สูงๆ ที่ลูกพร้อมจะหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ ก็จงเลือกร้านอื่นซะ มันจะดีกว่ามากถ้าร้านที่คุณเลือกมีเก้าอี้เด็ก ยิ่งถ้ามีที่ให้วิ่งเล่นด้วยก็ถือเป็นโบนัสสำหรับลูกเลย

2. สั่งอาหารให้เร็วที่สุด

eatingout_web_2

การสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว เพื่อให้อาหารมาเสริฟ์ที่โต๊ะเร็ว เท่ากับคุณไม่ต้องใช้เวลารอนาน โอกาสที่ลูกจะงอแงน้อยลง แต่ถ้ายังไม่รู้จะสั่งอะไรจริงๆ ละก็ ให้สั่งน้ำของเด็กกับของกินเล่นที่ลูกสามารถกินเล่นฆ่าเวลาได้มาก่อนก็ยังดี

3. พกของเล่นลูกติดมาด้วย

eatingout_web_3

หยุดเอาของเล่นทุกอย่างที่มีมาเวลาออกไปกินข้าวนอกบ้าน แต่ให้เลือกของเล่นเพียงอย่างเดียว และทำให้มันเป็นของเล่นพิเศษที่ลูกจะได้เล่นเฉพาะเวลาออกไปกินข้าวนอกบ้านเท่านั้น! ยกตัวอย่างเช่น เซตสมุดสติกเกอร์ สมุดระบายสีพร้อมกับสีเซตพิเศษที่ลูกจะได้เล่นเฉพาะเวลาออกมากินข้าวนอกบ้านเท่านั้น จะทำให้ลูกรู้สึกว่าต้องใช้เวลากับของเล่นนั้นๆ อย่างคุ้มค่า

4. ขจัดความกลัวออกไป

eatingout_web_4

ลูกสามารถรู้สึกได้ถ้าคุณกลัวหรือไม่มั่นใจ  เพราะฉะนั้นจงตั้งสติ และตระหนักไว้เสมอว่า เด็กก็คือเด็ก จงลดความคาดหวังของคุณลง ยังไงเขาก็จะต้องทำน้ำหก ทำอาหารหล่น ชอบเอามือเข้าไปใกล้ของร้อนที่คุณสั่งห้าม และไม่สนใจอาหารที่คุณสั่งมาให้กินหรอก เด็กจะสนใจแต่ขนมและไอศกรีมเท่านั้นแหละ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะนั่นคือธรรมชาติของเด็ก

คุณแค่พยายามกินข้าวกับธรรมชาติของเขาอย่างมีความสุข… และรีบกลับก็พอ

 

 

 

 

อ้างอิง
Simply Mom Bailey

Fon Chalisa

คุณแม่ของเด็กชายวัย 3 ขวบ ที่กำลังคิดว่าตัวเองมีพลังวิเศษ

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST