เพราะคุณแม่ยุคใหม่มีความสนใจและให้ความสำคัญกับข้อมูลการเลี้ยงลูกกันมาก จึงรู้ว่าอะไรที่ดีและไม่ดีกับลูก ถูกต้องตามตำรา แต่ในความเป็น #คนหน้างาน ที่ต้องเลี้ยงลูกเองจริงๆ ก็พบว่าหลายครั้งมันไม่ได้ราบรื่นตามตำราน่ะสิ เพราะในความใช่ของแม่ แต่ลูกกลับไม่ชอบ แต่พอเป็นอะไรที่ลูกชอบ แม่ก็ว่าไม่ใช่ ขัดหัวใจกันไปมาอย่างนั้น
เป็นแบบนี้แล้วแม่จะทำยังไงดี…
แม้แต่เรื่องการกินนมที่ไม่น่าจะเกิดปัญหา แต่เมื่อลูกโตพอที่จะเลือกสิ่งที่ชอบให้ตัวเอง บ่อยครั้งลูกก็ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยอมกินนมที่คุณแม่เคยให้กินมาตลอด เพราะไม่ถูกใจหรืออยากเปลี่ยนรสชาติ แต่ถ้าจะให้กินนมที่มีรสหวาน แม่ก็คิดว่าจะไม่ดีต่อสุขภาพของลูกได้
แต่เราเชื่อว่า ถ้าคุณแม่เข้าใจเหตุผลและที่มาที่ไปของแนวทางการเลี้ยงลูกอย่างถ่องแท้ และนำมาปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของครอบครัว เราจะพบจุดที่ลงตัวและมีความสุขด้วยกันทั้งหมด
หากลูกเบื่อการดื่มนมจืด แต่คุณแม่ก็กังวลว่าแล้วลูกจะดื่มอะไรดีล่ะ ไมโลสูตรน้ำตาลน้อยกว่า ที่มีนมเป็นส่วนผสม ให้ทั้งโปรตีนและแคลเซียม รวมถึงมีรสชาติอร่อยถูกปากลูก จึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยบาลานซ์ความชอบและความใช่ของคุณแม่เอาไว้ได้
นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอื่นๆ ที่ลูกชอบแต่แม่ว่าไม่ใช่ และวิธีการรับมือเพื่อพบพื้นที่ตรงกลางระหว่างกัน เพราะความสัมพันธ์ที่ดีในบ้านนั้นมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด สิ่งที่แม่อย่างเราทำได้ คือการสร้างสมดุล หาจุดตรงกลาง และสร้างความเข้าใจ เพื่อให้ลูกมีความสุขและคุณแม่ก็สบายใจไปด้วย
1. ลูกชอบดูหน้าจอ แต่แม่กลัวว่าจะติดใจ
ถ้าลองให้เด็กๆ ได้ดูหรือเล่นหน้าจอของอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก ยังไงเด็กๆ ก็ต้องรู้สึกเพลิดเพลินจนไม่อยากจะละสายตา เพราะหน้าจอเปรียบเสมือนประตูที่มีโลกอีกใบที่เต็มไปด้วย เกม คลิปวิดีโอ เพลง และการ์ตูนเรื่องโปรดที่เด็กๆ ดูได้ทั้งวันก็ไม่มีเบื่อ
ในขณะเดียวกันคุณแม่ทุกคนก็รู้ดีว่า สำหรับเด็กๆ แล้ว หน้าจอเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์เมื่อใช้ในเวลาที่จำกัด ไม่เช่นนั้นแทนที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก อาจสร้างผลเสียตามมาไม่น้อย
ดังนั้น หากเลี่ยงไม่ให้ลูกใช้หน้าจอไม่ได้ ก็ยังมีแนวทางการให้เด็กๆ ใช้หน้าจออย่างปลอดภัยได้ เช่น เด็กก่อนสองขวบ ไม่ควรให้ลูกดูหรือเล่นหน้าจอเลย เด็กสามขวบขึ้นไป หากมีความจำเป็นต้องใช้ให้มีคุณพ่อคุณแม่นั่งดูอยู่ด้วยกัน และใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน หรือเมื่อลูกโตพอที่จะสร้างข้อตกลงร่วมกัน ให้ทำการตกลงว่าลูกสามารถใช้หน้าจอได้เท่าไรและเวลาไหนบ้าง เพื่อให้ลูกสามารถรู้ขอบเขตของการใช้หน้าจอ ลูกก็จะไม่รู้สึกว่าถูกปิดกั้นและคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลใจว่าลูกจะได้รับผลเสียจากการใช้หน้าจอมากเกินไป
2. ลูกชอบเล่นโลดโผน แต่แม่เห็นแล้วใจคอไม่ดี
อะไรเสี่ยงๆ ขอให้บอก จะปีน จะคลุก จะโดด จะกลิ้ง ลูกทำได้หมด ยิ่งช่วงวัยที่เด็กๆ กำลังสนุกกับการเดินและวิ่งของตัวเอง ก๋ยากมากที่จะหยุดความอยากสำรวจโลกกว้างของลูกไว้ได้
แต่แม่อย่างเรานี่สิ ที่ห้ามความกังวลใจเอาไว้ไม่ไหว เพราะทุกอย่างที่ลูกเล่นมันช่างดูเสี่ยงจะเกิดอันตรายได้ทั้งสิ้น แล้วควรทำอย่างไรกันดี?!
สิ่งสำคัญก็คือคุณแม่ควรให้โอกาสลูกได้ประเมินความเสี่ยงของสิ่งรอบตัวด้วยตัวเอง โดยมีคุณแม่เฝ้ามองอย่างเข้าใจ และไม่คลาดสายตา
เพราะการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นสนุกของลูกสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และมักจะมาพร้อมประสบการณ์และทักษะใหม่ๆ ที่ลูกจะได้เรียนรู้เพื่อระมัดระวังตัวเองในครั้งต่อไป และลูกจะเรียนรู้ว่าคุณแม่เชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเขามากพอที่จะให้โอกาสเขาได้ลองเล่น ลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเองได้แน่ๆ ลูกจะได้รู้อีกด้วยว่าแม่ของเขานั้นเชื่อมั่นในตัวเขามาก พร้อมมอบโอกาส และยังเป็นคนที่คอยอยู่ข้างๆ ในวันที่เขาเผชิญกับเรื่องยากๆ อีกด้วย
3. ลูกชอบเล่นเลอะเทอะ แต่แม่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
ก็รู้นะว่าเด็กกับการเล่นน้ำ เล่นดิน เล่นทราย เล่นละเลงสีเลอะเทอะ มันห้ามกันไม่ได้ ยิ่งได้เห็นเวลาลูกเล่นแล้วหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข มีแต่แม่นี่แหละที่แอบกังวลว่าลูกเล่นเลอะเทอะอย่างนั้น จะได้รับเชื้อโรคและทำให้เจ็บป่วยหรือเปล่า
ความจริงแล้วการให้เด็กๆ ได้เล่นซนตามธรรมชาติ อาจเลอะเทอะไปบ้าง แต่ก็มีประโยชน์และเสริมสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ประสาทสัมผัส ความคิด และจินตนาการของเด็กๆ ได้
ดังนั้น ถึงแม้คุณแม่จะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยของลูก ก็ควรปล่อยให้ลูกได้เล่นเลอะเทอะบ้างตามสมควร โดยมีคุณแม่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ และสร้างข้อตกลงกับลูกว่าระหว่างเล่นจะต้องไม่เอามือมาจับหน้าจับตา ไม่เอาเข้าปากนะ และเมื่อเล่นเสร็จแล้วให้ล้างมือหรืออาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที เพียงเท่านี้ลูกก็ได้เล่นสนุก คุณแม่ก็สบายใจขึ้น
4. ลูกชอบกินเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ แต่แม่ก็กลัวว่าจะขาดสารอาหารและติดหวาน
ตอนเล็กๆ ลูกก็กินนมรสจืดได้ไม่มีปัญหา แต่พอโตก็เริ่มกินยากและอยากกินนมรสชาติอื่น ยิ่งพอได้ลองรสชาติของเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ ลูกก็ยิ่งชอบ กินแล้วมักจะขอเพิ่มเสมอ
เห็นลูกชอบกิน ใจจริงแม่ก็ดีใจ แต่ก็อดกังวลไม่ได้ เพราะรู้มาว่านมหรือเครื่องดื่มที่มีรสชาติ ย่อมตามมาด้วยน้ำตาลปริมาณมากอาจทำให้ลูกเป็นเด็กติดรสชาติหวาน ไม่ดีต่อสุขภาพ และยังไม่มั่นใจว่าลูกจะได้รับสารอาหารเพียงพอหรือเปล่า
ดังนั้นเพื่อให้ความต้องการของแม่และลูกลงตัว เครื่องดื่มแสนอร่อยที่ว่านั้น จึงควรเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายลูก และในขณะเดียวกันก็ต้องมีรสชาติถูกปากอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ไมโล สูตรน้ำตาลน้อยกว่า ที่มีความหวานส่วนใหญ่ได้มาจากน้ำตาลตามธรรมชาติของนมและมอลต์ (สูตรนี้มีปริมาณน้ำตาลทั้งหมด 12 กรัม ประกอบด้วยแลคโตสจากนมตามธรรมชาติ 7 กรัม มอลโตสจากมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์ 1 กรัม และน้ำตาลทรายแค่ 4 กรัม) ทำให้ไมโล สูตรน้ำตาลน้อยกว่า มีรสชาติที่หวานน้อยลงจากสูตรปกติ แต่ยังคงความอร่อยตามแบบฉบับไมโล ที่สำคัญสูตรนี้ยังมีแคลเซียมสูงถึง 40% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน และมีโปรตีนถึง 5,000 มก. ช่วยในการเจริญเติบโตของลูก สามารถดื่มเพื่อเติมพลังได้ทุกวัน
แต่ถ้าหากคุณแม่ยังกังวลใจว่า อย่างไรน้ำตาลก็ทำให้ลูกฟันผุได้ ก็สามารถใช้โอกาสนี้สอนให้ลูกดูแลสุขภาพในช่องปาก เช่น สอนลูกแปรงฟันอย่างถูกวิธี ฝึกการใช้ไหมขัดฟัน เพื่อรักษาวินัยในการดูแลตัวเอง และลูกจะได้กินของอร่อยที่ตัวเองชอบต่อไปได้นานๆ
5. เพราะการเติบโตอย่างแข็งแรงของลูกนั้นสำคัญที่สุด
เส้นทางการเติบโตของลูกนั้นยังอีกยาวไกลคงมีอีกหลายเรื่องที่พร้อมปั่นป่วนหัวใจของคนเป็นแม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เพียงคุณแม่ตั้งสติและหาทางบาลานซ์สิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองกับสิ่งที่ลูกชอบ แล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของครอบครัว เพื่อให้ลูกเติบโตอย่างแข็งแรงและมีความสุข เพราะลูกสามารถมั่นใจได้ว่ามีคุณแม่ที่เข้าใจและเคียงข้างเขาเสมอ
แม้อาจจะยากไปบ้างในบางวัน แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกคน บาลานซ์สิ่งที่ใช่ของเรากับสิ่งที่ชอบของลูกไปได้ด้วยดี
COMMENTS ARE OFF THIS POST