คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตไหมคะว่า ลูกของเราชอบใช้เวลาว่างไปกับกิจกรรมอะไรบ้าง เพราะสิ่งที่ลูกเลือกทำโดยไม่ได้ใครบอกหรือบังคับนั้นคือการแสดงออกถึงสิ่งที่เขาชอบ และสามารถนำมาพัฒนาเป็นงานอดิเรกได้เป็นอย่างดี เด็กบางคนชอบวาดรูป บางคนชอบร้องเพลง บางคนชอบอ่านหนังสือ หรือบางคนก็ชอบที่จะทำอะไรหลากหลายอย่าง และอาจถึงขั้นหมกมุ่นอยู่กับความชอบนั้นๆ อยากที่จะทำสิ่งนั้นตลอดเวลา
บ่อยครั้งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้จะรับมืออย่างไรกับลูกที่ชอบขัดจังหวะเวลาที่เห็นคุณพ่อคุณแม่ให้ความสนใจกับอย่างอื่น นอกจากจะเสียสมาธิแล้ว อีกใจก็กลัวกลัวว่าลูกจะมีพฤติกรรมนี้ติดตัวไปจนกลายเป็นนิสัยตอนโตหรือเปล่า แต่ก่อนอื่น คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจว่า ในเด็กเล็กนั้นการที่ลูกชอบขัดจังหวะ ไม่ได้หมายความว่าลูกเป็นเด็กที่ไม่มีมารยาทนะคะ เพียงแต่ลูกยังไม่โตพอที่จะเข้าใจว่าต้องอดทนรอและคอย หรือยังไม่เข้าใจว่าการที่คุณพ่อคุณแม่ละสายตาไปทำอย่างอื่นบ้างเป็นเรื่องจำเป็น
ความใจเย็นเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะสอนให้ลูกได้รู้จัก เข้าใจ และนำมาใช้อย่างเหมาะสม เพราะการเป็นคนอารมณ์ร้อน อาจทำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปอีก เพราะฉะนั้นการฝึกเป็นคนใจเย็น รู้จักสงบสติอารมณ์ และระงับความโกรธจึงไม่ใช่แค่เรื่องที่ผู้ใหญ่ควรจะปฏิบัติเพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกเท่านั้น แต่คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะแนะนำวิธีการสงบสติอารมณ์และสอนให้ลูกรู้จักควบคุมตัวเองเมื่อมีความโกรธ ใจร้อน หรือไม่ได้ดังใจขึ้นมา
ความรู้สึกต่อรูปลักษณ์ทางร่างกาย หรือ Body Image Issues คือการที่คนเรารู้สึกไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์ทางร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง น้ำหนัก หรือแม้แต่สีผิวของตัวเอง คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเข้าใจว่า ลูกจะเริ่มรู้สึกถึง Body Image Issues เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น แต่ความจริงแล้วความรู้สึกต่อรูปลักษณ์ทางร่างกายของตัวเองนั้นเกิดขึ้นได้กับเด็กตั้งแต่วัย 3-5 ปีเลยทีเดียว
เด็กก่อนวัยเรียน ถือเป็นช่วงวัยสำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และหนึ่งทักษะสำคัญที่คุณพ่อคุณไม่ควรมองข้าม ก็คือการส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือปัญหาที่เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่ทันคาดคิด หรือไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน เพราะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าถือเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นต่อการเติบโต เด็กๆ ต้องเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองในเวลาคับขัน หรือไม่สามารถรอคุณพ่อคุณแม่มาช่วยแก้ปัญหาได้
ในปัจจุบันความแตกต่างถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางเพศ เชื้อชาติ รูปร่างหน้าตา หรืออะไรก็ตาม Dr. Silvia Pereira-Smith ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์พัฒนาการและพฤติกรรมที่ Medical University of South Carolina กล่าวว่า เด็กที่อยู่แต่ในสังคมที่มีแต่คนที่เหมือนกันไปหมด จะไม่มีการพัฒนาที่ดีเท่าไรนัก แต่การสอนให้เด็กยอมรับความแตกต่างจะช่วยให้เด็กเติบโตอย่างมีพัฒนาการที่ดี ปรับตัวง่าย และมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นอีกด้วย
ปรากฏการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวคนเราล้วนอธิบายได้ด้วยหลักการและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ดังนั้นการชวนให้เด็กรู้สึกคุ้นเคยและใกล้ชิดกับกิจกรรมความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นอกจากจะช่วยให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนาน ยังช่วยเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ ให้กับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี
- ← Previous Page
- 1
…
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
…
- 62
- Next Page →