การยอมรับความแตกต่าง เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การปฏิบัติตัวกับผู้คนรอบข้างอย่างเท่าเทียม ซึ่งความเท่าเทียมในสังคมเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ

ดังนั้นการปลูกฝังทัศนคตินี้ให้ลูกตั้งแต่ยังเล็กจึงเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่แค่เพื่อให้ลูกได้เป็นเด็กที่รู้จักเปิดใจกว้างและมีเมตตาในการปฏิบัติตัวกับผู้อื่น แต่ยังเพื่อให้ลูกรู้จักสร้างความกล้าหาญที่จะทำสิ่งที่แตกต่างและสร้างสรรค์โดยไร้ซึ่งกำแพงแห่งความกลัวการเป็นคนที่แตกต่างอีกด้วย

เราจึงมีนิทานที่จะช่วยสะกิดและเตือนใจให้ลูกของคุณพ่อคุณแม่มองเห็นความสำคัญของการกล้าที่จะแตกต่างและยอมรับความแตกต่างของคนอื่นมาแนะนำ 3 เล่มด้วยกัน

1. Mirror

เขียน: Suzy Lee
สำนักพิมพ์: SEVEN FOOTER KIDS

หนังสือภาพไร้ตัวหนังสือ ว่าด้วยเรื่องของเด็กหญิงคนหนึ่งกับเงาของตัวเองในกระจก เงานั้นเป็นเสมือนเพื่อนเล่นที่ทำให้เด็กหญิงไม่รู้สึกเหงา เด็กหญิงมีความสุขเวลาเห็นเงาทำตามเธอทุกอย่าง จนกระทั่ง จู่ๆ เงาของเธอเริ่มแสดงท่าทางของตัวเอง และไม่ทำตามเธออีก เด็กหญิงไม่พอใจ เธอจึงผลักกระจกเงาล้มลง กระจกแตกกระจาย เพื่อนเงาของเธอหายไป ส่วนเธอเองก็ต้องกลับไปเหงาเหมือนเดิม

รูปภาพในนิทานเล่มนี้สามารถตีความไปได้มากมาย แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว เราคิดว่า Mirror กำลังสะท้อนนิสัยของเด็กที่ชอบให้คนอื่นทำตามใจตัวเอง อย่างเช่นเวลาเด็กๆ จับกลุ่มเล่นกัน จะมีสถานการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเสมอคือ ถ้าเธอไม่เล่นตามที่ฉันอยากเล่น เราก็ไม่ต้องมาเล่นด้วยกัน

การที่เงาไม่ทำตามเด็กหญิง ก็เปรียบเหมือนการที่คนเราย่อมมีวันที่มีความคิดแตกต่างและแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา แต่เมื่อเด็กหญิงยอมรับไม่ได้ ก็เท่ากับเธอได้ทำลายและผลักไสเพื่อนของตัวเองไปแล้ว และหากเธอใจกว้างมากขึ้นสักนิด เธอก็จะไม่ต้องทนเหงาอีก

2. ช้อนน้อย

เขียน: เอมี เคราส์ โรเซินทาล
ภาพ: สก็อตต์ มากูน
แปล: น้านกฮูก
สำนักพิมพ์: แฮปปี้คิดส์

เรื่องราวของช้อนที่ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับเครื่องครัวชิ้นอื่นๆ และคิดว่าตัวเองไม่โชคดีอย่างใคร เช่น ส้อมได้ทำหน้าม้วนเส้นพาสต้า ได้จิ้มเนื้อสเต็ก หรือมีดที่สามารถหั่นอาหารต่างๆ ได้ แต่ตัวช้อนเองกลับไม่เคยได้ทำอะไรแบบนั้น แต่ในทางกลับกัน เพื่อนๆ เครื่องครัวก็พูดถึงช้อนน้อยด้วยความชื่นชมที่ช้อนน้อยสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น ได้ตักไอศกรีม ได้ลงไปชงชาอุ่นๆ

เมื่อช้อนน้อยทราบแบบนั้น จึงได้ย้อนกลับมามองข้อดีของตัวเองซึ่งไม่เคยมองมาก่อนและรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมา

ไม่มีใครเป็นเหมือนใคร ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตามบนโลกใบนี้ เราล้วนมีข้อดีข้อเสีย แต่คนส่วนใหญ่มักคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นในลักษณะแง่ลบและคุณค่าของตัวเองลง เพราะอยากที่จะเป็นเหมือนคนอื่น โดยไม่ได้มองถึงสิ่งดีงามเฉพาะตัวที่ตัวเองมีอยู่

เราควรภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นและไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนใคร

3. The HUEYS in the new sweater

เขียน: Oliver Jeffers
สำนักพิมพ์: Philomel

ในเมืองที่ทุกคนเหมือนกันไปหมด วันหนึ่ง hueys ตัดสินใจใส่เสื้อคลุม ที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น ทีแรกบางคนก็กลัวเขา เพราะเขาไม่เหมือนใคร แต่แล้วก็เริ่มมีคนทำตามเขา จนสุดท้ายทุกคนก็สวมเสื้อคลุมเช่นเดียวกันหมด และเมื่อทุกคนเหมือนกันไปหมด… จึงไม่มีใครแตกต่าง

The HUEYS in the new sweater  ทำให้เราต้องตั้งคำถามเรื่องความเหมือนและความแตกต่าง เมื่อความแตกต่างคือเสื้อคลุมที่ hueys ใส่… วันที่มันเป็นสิ่งแปลกตา ผู้คนก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างหนึ่ง แต่เมื่อมีคนทำตาม จนกลายเป็นกระแส ความแตกต่างนั้นก็พลันหายไป

หากเราเข้าใจถึงลำดับการเป็นไปของโลก เมื่อมีสิ่งใหม่เกิดขึ้น เมื่อสิ่งใหม่กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยชิน จนกระทั่งวันที่สิ่งนั้นไม่แปลกหรือแตกต่างอีกต่อไป วันรุ่งขึ้นก็จะมีสิ่งใหม่ที่แปลกแตกต่างเกิดขึ้นอีก

หากเรารู้เท่าทันความเป็นไปนี้ เราก็จะสามารถยอมรับสิ่งที่ผ่านเข้ามาและผ่านไปได้ง่ายขึ้น

การเปิดใจและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำสิ่งที่เป็นตัวของตัวเอง โลกคงไม่สวยงามหากทุกคนเป็นเหมือนกันหมด ทำเหมือนกันหมด และเมื่อเราค้นเจอตัวเองแล้วก็จงมองเห็นคุณค่าในมัน ความพิเศษเฉพาะของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร และท้ายที่สุดจงกล้าหาญที่จะแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา ในขณะเดียวกันก็ใจกว้างมากพอที่จะมองดูความแตกต่างที่คนอื่นแสดงออกมาอย่างรู้เท่าทันธรรมชาติของโลกซึ่งสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นตลอดเวลา เด็กๆ ของเราก็จะเติบโตและอยู่ร่วมกับความแตกต่างของผู้คนในสังคมได้เป็นอย่างดี