เมื่อลูกโตพอที่จะมีเพื่อนนอกบ้าน และเริ่มมีเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ คุณพ่อคุณแม่คงรู้สึกสบายใจ และคลายกังวล เมื่อต้องปล่อยให้ลูกออกไปใช้ชีวิตในสังคมที่นอกเหนือจากครอบครัว เพราะการมีเพื่อนจะทำให้ลูกไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และมีคนที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้

นิทานที่เราจะนำมาแนะนำวันนี้ เป็นซีรีส์ที่พูดถึงเรื่องราวและมิตรภาพดีๆ ระหว่างเด็กชายหนึ่งคนและเพนกวินหนึ่งตัว ที่จะทำให้เด็กๆ เข้าใจว่าการมีเพื่อนซี้ดีๆ นี่มันเป็นเรื่องที่ดีมากแค่ไหน

1. นิทานเรื่อง เจ้าเพนกวินหลงทาง Lost and Found
เรื่องและภาพ: โอลิเวอร์ เจฟเฟอร์ส
แปล: นันท์ชนก คามชิตานนท์
สำนักพิมพ์: คิดสเคป
ราคาปก: 215 บาท

บางครั้ง ‘เพื่อน’ ก็เดินมาหาเราเอง โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนคนนั้นเป็นเพนกวินตัวหนึ่งที่วันดีคืนดีก็มายืนทำหน้าละห้อยอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน และนั่นคือครั้งแรกที่เด็กชายได้พบกับเพนกวิน

เด็กชายคิดว่าเจ้าเพนกวินคงหลงทางมา จึงพยายามพามันกลับไปยังถิ่นกำเนิด แต่แท้จริงแล้วเพนกวินไม่ได้หลงทาง มันแค่รู้สึกเหงา และต้องการที่จะเพื่อนสักคนเท่านั้นเอง

นิทานบอกเราว่า ‘มิตรภาพเกิดขึ้นได้จากการใช้เวลาร่วมกัน’ เพราะเมื่อเด็กชายพยายามทุกวิธีที่จะพาเพนกวินกลับไปส่งยังที่ที่มันจากมา ไม่ว่าจะเป็นพาไปที่แผนกของหาย หรือลองถามทางจากพวกนกอื่นๆ ไปจนถึงการต่อเรือและออกเดินทางไปยังขั้วโลกใต้

กิจกรรมเหล่านี้ทำให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกัน และเมื่อต้องบอกลากันจริงๆ เด็กชายจึงรู้สึกใจหาย ส่วนเพนกวินก็รู้สึกไม่ต่างกัน นั่นเป็นเพราะมิตรภาพเกิดขึ้นแล้ว การบอกลาจึงเป็นเรื่องยากสำหรับทั้งคู่

โอลิเวอร์ เจฟเฟอร์ส นำประสบการณ์ของตัวเองฃในวัยเด็ก ตอนที่เขาหลงทาง จนกระทั่งมีคนเห็นข้อความบนป้ายที่หลังเสื้อของเขา จึงได้รู้ว่าตัวเองต้องกลับไปที่ไหน แต่เมื่อนำมาเล่าเป็นเรื่องราวที่เพิ่มความแฟนตาซีลงไป สำหรับนิทานเรื่องนี้ โอลิเวอร์ เจฟเฟอร์ส ก็คือเจ้าเพนกวินที่ต้องการเพื่อนสักคนนั่นเอง

ปกติแล้ว เวลาเด็กๆ อ่านหรือฟังนิทาน ก็มักจะแทนตัวเองว่าเป็นเด็กคนหนึ่งในนิทานเรื่องนั้น แต่ถ้าเรามาคิดกันสนุกๆ ว่า เจ้าเพนกวินในนิทาน ก็เป็นเด็กอีกคนหนึ่งที่พูดน้อย และไม่ค่อยบอกความต้องการของตัวเองให้คนอื่นรับรู้ ถ้ามีเด็กลักษณะนี้ เขาจะมีเพื่อนได้ไหม คำตอบคือ มีเพื่อนได้เหมือนเพนกวินในนิทานนี่แหละ

เพราะขนาดเพนกวินในเรื่องที่พูดสื่อสารกับคนไม่ได้ แต่การแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ของมันก็ทำให้มิตรภาพดีๆ เกิดขึ้นได้ แล้วเด็กๆ ที่สามารถเอ่ยปากชวนเพื่อนเล่น หรือต้องการสร้างความคุ้นเคยกับคนอื่น จะเป็นเรื่องยากไปได้ยังไงกัน

2. นิทานเรื่อง เจ้าเพนกวินอยากบิน Up and Down

เรื่องและภาพ: โอลิเวอร์ เจฟเฟอร์ส

แปล: นันท์ชนก คามชิตานนท์

สำนักพิมพ์: คิดสเคป

ราคาปก: 215 บาท

หลังจากเด็กชายและเพนกวินเป็นเพื่อนกันแล้ว ทั้งคู่ก็ทำกิจกรรมร่วมกันหลายอย่าง จนวันหนึ่งเพนกวินก็เกิดความคิดที่อยากจะบินขึ้นมา  เด็กชายจึงช่วยกันคิดหาวิธีให้เพนกวินบินได้ แต่จะทำได้ไหมนะ…

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: หนึ่งในกิจกรรมที่เพนกวินและเด็กชายทำร่วมกันในนิทาน เป็นเกมกระดานที่โอลิเวอร์ เจฟเฟอร์สผู้เขียนชื่นชอบ คือ เกมแบ็กแกมมอน

โดยธรรมชาติแล้วเพนกวินบินไม่ได้ แต่ในโลกนิทาน สิ่งที่เป็นไม่ได้อาจเป็นไปได้ ถ้าเราพยายามมากพอ

เพนกวินลองตีปีก ใช้ลูกโป่งผูกตัว ใช้เครื่องบิน โดยมีเด็กชายคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง จนในที่สุดมันก็ค้นพบวิธีการทำให้ตัวเองบินได้ นั่นก็คือการเข้าเป็นนักแสดงในคณะละครสัตว์ และรับบทเป็นกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงขึ้นฟ้า เพื่อที่จะได้ลอยขึ้นไปในอากาศเหมือนนกที่บินได้นั่นเอง

นิทานสร้างความเชื่อที่ว่าการมีเพื่อนซี้อยู่เคียงข้าง จะช่วยให้เรามีกำลังใจที่จะพยายามเอาชนะขีดจำกัดของตัวเองไปได้

นิทานทั้งสองเล่ม ช่วยสอนและส่งเสริมให้เด็กๆ รู้จักการคิดแก้ไขปัญหา และการลงมือทำ เรื่องราวเริ่มด้วยตัวละครมีปัญหา และพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง เมื่อไม่สำเร็จก็เริ่มหาข้อมูลจากหนังสือ ไปขอความช่วยเหลือ หรือถามจากผู้รู้ และสุดท้ายก็นำมาลงมือทำด้วยตัวเอง ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่สอนให้ลูกมีหลักคิดเช่นนี้ เขาก็จะสามารถผ่านทุกอุปสรรคในชีวิตไปได้อย่างแน่นอน

อีกหนึ่งสิ่งที่เราได้รับจากนิทานทั้งสองเล่มนี้ก็คือ ความรู้สึกอบอุ่นที่ได้เห็นมิตรภาพดีๆ ความรู้สึกห่วงใย คิดถึง และโหยหากัน ระหว่างเด็กชายและเพนกวิน ที่ทำให้นิทานของโอลิเวอร์ เจฟเฟอร์ส มีเสน่ห์ขึ้นมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์