READING

PLAY NO MATTER WHAT การเรียนรู้ที่หน้าตาเหมือนการเ...

PLAY NO MATTER WHAT การเรียนรู้ที่หน้าตาเหมือนการเล่นสนุก (4) ว่าด้วยเรื่อง ‘คลับ’ อีกรูปแบบของการเรียนรู้ที่ทำงานกับหัวใจของนักเล่นเหลือเกิน

น่าจะมาถึงตอนสุดท้าย ของหัวข้อ ‘การเรียนรู้ที่หน้าตาเหมือนการเล่นสนุก’ เพราะว่าพอยิ่งเขียนถึง ยิ่งคุยถึง ก็ยิ่งสนุก จนไม่ยอมจบสักที ไม่ยอมเปลี่ยน แต่ยังไงวันนี้ก็ตั้งใจไว้ว่าจะขอพูดถึง คลับ (club) เป็นการปิดท้ายเรื่องนี้

ใครจะเรียกว่า คลับ (หรือบางทีเราก็ชอบเรียกว่า สมาคมลับ) หรือใครจะคุ้นกับคำว่า ‘ชมรม’ หรือ ‘ชุมนุม’ ก็ได้ แต่สำหรับพวกเรา คลับเป็นอีกรูปแบบการเรียนรู้ที่สามารถมอบประสบการณ์น่าประทับใจ และติดตรึงในหัวใจของเด็กๆ ได้อย่างไม่ควรมองข้าม

No Text_Post_1

เพราะสิ่งหนึ่งที่การเรียนรู้ทุกรูปแบบควรทำได้ ก็คือทำให้เด็กๆ ได้เห็นว่าตัวเราเองนี่แหละที่เป็นเจ้าของสิ่งนั้น เช่น เราเป็นเจ้าของ ‘การค้นพบ’ เป็นเจ้าของ ‘ช่วงเวลา’ ทั้งที่สวยงามและทั้งที่ต้องฝ่าฟันในการเรียนรู้นี้ เป็นเจ้าของ ‘เรี่ยวแรง’ และ ‘หยาดเหงื่อพลังงาน’ ที่จะต้องเอามาใช้ต่อจากนี้ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องรวบรวมและสะสมทุกอย่างที่จะได้รับจากตรงนี้ไว้เป็นสมบัติส่วนตัวของเราเอง  โดยไม่ยอมปล่อยให้อะไรหล่นหายไปเด็ดขาด (ต้องเก็บให้ครบทุกเม็ดเลยล่ะ)

และที่สำคัญ การเรียนรู้ต้องทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้เด็กๆ ได้เห็นว่า เรายังเป็นเจ้าของ ‘หัวใจ’ ที่จะเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง สิ่งที่ตัวเองอยากจะใช้เวลาหมดไปกับสิ่งนั้น การเรียนรู้ถึงจะทำงานกับตัวตนของนักเรียนรู้คนหนึ่งได้อย่างมหาศาล

ดังนั้นสำหรับเราแล้ว การเรียนรู้ที่หน้าตาเหมือนการเล่นสนุก จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสนุกสนาน แต่ต้องมีความหมายในระดับที่ทำให้ใครคนหนึ่งรู้สึกว่า ‘ฉันเอง… ฉันเป็นเจ้าของสิ่งนี้’ ให้ได้

การเรียนรู้ในรูปแบบคลับจึงตอบโจทย์นี้มากๆ เพราะคลับให้ความสำคัญกับการมอบพลังอำนาจและความเป็นเจ้าของได้คลับหยิบยื่นความเป็นเจ้าของให้กับเด็กๆ ได้มากเท่าที่เขาอยากจะเป็น หรืออยากจะมีส่วนร่วม เริ่มจากการที่เป็นสิ่งที่เด็กๆ เลือกเองตามความสนใจ แถมยังเปิดกว้างและให้อิสระแม้กระทั่งในกระบวนการ คลับไม่เร่งรัดให้ทุกคนต้องไปพร้อมกัน หรือต้องมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน แต่คลับช่วยให้เด็กๆ ตั้งเป้าหมายได้ตามใจ โดยไม่กำหนดวิธีการเรียนรู้ แต่มอบความเชื่อใจให้เด็กๆ ได้เลือกใช้เวลาเพื่อที่จะสำรวจและทำความรู้จักกับสิ่งนั้นๆ ได้ในจังหวะและในแนวทางของตัวเองอยู่เสมอ

กล่าวคือ หากเด็กคนไหนมาด้วยพลังงานแบบไฟลุกโชน คลับก็พร้อมที่พากันพุ่งกระโจนไปได้เท่าที่ใจต้องการ แต่หากมาด้วยพลังงานแบบเนิบช้า คลับก็เป็นลำธารไหลเอื่อย เป็นน้ำใสไหลเย็นให้จุ่มเท้าแล้วแกว่งเล่นเพลินๆ ได้เช่นกัน

เพราะแบบนี้ การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในคลับก็เลยเป็นไปอย่างละมุนละม่อม ไม่โฉ่งฉ่าง ไม่มีใครรู้เนื้อรู้ตัวว่ากำลังเรียนรู้อะไรอยู่บ้าง เพราะคลับเป็นรูปแบบที่ดำเนินไปอย่างเข้าอกเข้าใจในตัวตนของนักเล่นและนักเรียนรู้แต่ละคน  ไม่มีความคาดหวัง ไม่มีการวัดผลแบบทื่อมะลื่อ แต่เมื่อไหร่ที่คลับอยากจะเรียกร้องความทุ่มเทหรือวินัยหรือความจริงจังตั้งใจขึ้นมา คลับก็จะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาทันที และจะเรียกร้องจากผู้ที่พร้อมจะให้เท่านั้น

No Text_Post_2

หลายพื้นที่ในโลกใบนี้ให้ความสำคัญกับคลับนอกเวลาเรียนมาก เราจึงได้เห็นเด็กๆ มักจะเป็นสมาชิกที่แอกทีฟอยู่ในคลับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ดนตรี การประพันธ์บทกวี การอ่าน การเต้น การสำรวจธรรมชาติ หรืออาจรวมตัวกันด้วยความเชื่อในเรื่องประหลาดอย่างมนุษย์ต่างดาว ความหมกมุ่นในไดโนเสาร์ สารพัดสารพันความมหัศจรรย์ตามแต่ที่เราจะนึกได้
แล้วแถมยิ่งเด็กๆ โตขึ้นไปเป็นวัยรุ่น คลับก็ยิ่งมีบทบาทในชีวิตมากขึ้นด้วย มีความจริงจังมากขึ้นในระดับของการมีส่วนร่วมด้วย

ที่เล่ามาทั้งหมด ก็คงต้องบอกด้วยว่า นิยามของคลับไม่ใช่แค่กิจกรรมนอกหลักสูตรหรือกิจกรรมพิเศษที่เราไปทำนอกเวลาเรียนเท่านั้น เพราะการไปเรียนว่ายน้ำทุกเย็นวันจันทร์ กับการเป็นสมาชิกชมรมว่ายน้ำนั้นแตกต่างกันตรงที่

หัวใจของคลับอยู่ที่ความเป็น community

คลับเปิดพื้นที่ให้เราได้มีที่ทางของตัวเองไปพร้อมกับการมีกันและกัน เป็นพื้นที่ที่ทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของอะไรบางอย่างร่วมกัน เมื่ออยู่ในคลับ เรากลับอยากที่จะเป็นเจ้าของอะไรบางอย่างร่วมกันกับคนอื่น อยากแบ่งปันความชอบและความสนใจ อยากที่จะเติม อยากที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสริมแรงเสริมพลัง และต่อยอดบางสิ่งบางอย่างไปด้วยกันกับคนในคลับไปเรื่อยๆ

ดังนั้น เมื่อใครสักคนก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคลับสักแห่ง เขาจะเป็นผู้เล่นหรือ active player ในเส้นทางของตัวเอง ที่ขับเคลื่อนการเรียนรู้ของตัวเองแต่ในขณะเดียวกันก็จะขับเคลื่อนบางอย่างไปด้วยกันกับผู้อื่นอยู่เสมอ แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
มันก็เลยสำคัญมากที่เด็กสักคนควรได้มีประสบการณ์เป็นส่วนหนึ่งของคลับและใช้เวลาแห่งการเติบโตไปในคลับนั้นสักระยะหนึ่ง เขาจะใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและมีเป้าหมายมากขึ้น มองเห็นตัวเองเชื่อมโยงกับโลกรอบตัวได้มากขึ้น และยังมีตัวตนที่ชัดเจนและแข็งแรงขึ้นในทุกวัน

เขาอาจจะมีบ่ายวันจันทร์ให้รอคอยทุกสัปดาห์ และเห็นว่าชีวิตนี้มีคุณค่าและน่าสนุกมากแค่ไหน เขาจะได้มีพื้นที่ให้ได้ใช้พลังงานไปกับการสร้างสรรค์สิ่งวิเศษต่างๆ ได้ฝึกฝนทักษะที่หลากหลาย ได้สำรวจความสนใจ และเปิดหนทางแห่งความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในชีวิต ได้ตั้งโจทย์ใหม่ๆ ได้คิดถอดรหัสและท้าทายตัวเองทุกวัน ได้มีประสบการณ์กับดินแดนการเรียนรู้ที่กว้างขึ้น ได้หมกมุ่นวุ่นวายอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดจนเข้าใจสิ่งนั้นได้ลึกขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือกระบวนการการเรียนรู้ที่ที่ทำผ่านกระบวนการของการเล่นทั้งนั้น

แล้วสิ่งที่ใครสักคนจะได้จากคลับก็สามารถเชื่อมโยงกลับไปสู่โลกของการเรียนในห้องเรียนได้เหมือนกัน แต่ถ้าพูดแบบนั้น ก็ดูจะเป็นการเอาคุณค่ามหาศาลของคลับไปผูกติดอยู่กับการเรียนรู้ในโรงเรียนมากไปสักหน่อย เราผู้เชื่อมั่นและเคยได้รับประสบการณ์แสนพิเศษจากคลับมาก่อน ก็เลยต้องขอชี้แจงอย่างชัดเจนเลยว่าการเรียนรู้ในรูปแบบคลับไม่ได้มีไว้เพื่อเสริมทักษะหรือความรู้จากโรงเรียน แต่มีไว้เพื่อให้เราได้เป็นตัวเราที่สมบูรณ์ขึ้น

แล้วเพราะแบบนี้ คลับก็เลยเป็นขุมพลังที่จะเอาไว้ผลิตพลังใดๆ ที่เราจะต้องเก็บตุนเอาไว้ใช้ไปอีกตลอดชีวิต


อ้อมขวัญ เวชยชัย

ใบปอ—อ้อมขวัญ เวชยชัย คุณครูผู้ก่อตั้ง CREAM Bangkok

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST