KIDS STORY: แล้วมาเล่นกันอีกนะ

จากผู้เขียน:

“เราไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก” อีกหนึ่งคำสอนที่ผู้ใหญ่สั่งสอนเด็กมาโดยตลอด และสิ่งเดียวที่จะเอาชนะการรีบตัดสินคนไปก่อนได้ก็คือ การพยายามทำความเข้าใจ มันคงจะดีไม่น้อยถ้าทุกคนใจกว้างพอที่จะสละเวลามาทำความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเห็น ก่อนที่จะรับตัดสินสิ่งนั้น

นิทานเรื่อง ‘แล้วมาเล่นกันอีกนะ’ เป็นภาคต่อจากนิทานเรื่อง ‘อย่าเล่นกับเด็กคนนั้นนะ’ โดยแต่งขึ้นเพื่อบอกว่าการไม่ตัดสินคนอื่น ก็คือ การเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองนั้นเอง

เด็กชายคนนี้มอซอและสกปรกเกินไปที่จะมีเพื่อน ไม่มีใครที่สนามเด็กเล่นยอมเล่นกับเขาเลย เด็กชายเหงาเขาจึงเก็บลังกระดาษเก่าๆ มาตัดเป็นชุด สมมติตัวเองเป็นเจ้าชายแห่งสนามเด็กเล่น

“หึ ที่ไม่มีใครเล่นกับฉันก็เพราะว่าฉันเป็นเจ้าชายที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนเลยเกรงใจไม่กล้าเล่นด้วยยังไงล่ะ”

เด็กชายเดินอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางเด็กๆ ที่จับกลุ่มเล่นกันอย่างสนุกสนาน แม้เขาจะอยากเข้าไปขอเล่นด้วยมากแค่ไหน แต่ก็ข่มใจเอาไว้ เพราะเขาไม่อยากถูกปฏิเสธอีก

เด็กตัวจิ๋วคนหนึ่งที่นั่งแยกตัวอยู่ที่ลานดิน บนพื้นมีลูกแก้วหลากสีกระจายอยู่ ที่เสื้อของเขาปักชื่อว่า ‘เมฆ’ และมีเบอร์โทรศัพท์อยู่ใต้ชื่อด้วย เด็กชายแปลกใจที่แม้จะมีคนเดินมาชวนเมฆไปเล่น แต่เขากลับดูไม่สนใจเลยสักนิด นั่นทำให้เด็กชายก็รู้สึกโกรธ เขาไม่พอใจที่เมฆปฏิเสธคำชักชวนของเด็กคนอื่นอย่างเย็นชา

เด็กชายมองซ้ายมองขวาจนมั่นใจว่าไม่มีผู้ใหญ่อยู่แถวนั้น แล้วจึงตรงดิ่งเข้าไปหาเมฆ แต่ไม่ว่าเด็กชายจะพูดกับเมฆอย่างไร เมฆก็เอาแต่ก้มหน้าดีดลูกแก้ว และไม่ตอบเขาเลยสักคำ

เด็กชายยิ่งโมโหใหญ่ เขาวิ่งไปแย่งลูกฟุตบอลจากกลุ่มเด็กแถวนั้น แล้วเดินตรงไปหาเมฆ

“ดูสิ คราวนี้จะสนใจฉันได้หรือยัง” เด็กชายง้างมือที่ถือลูกบอลสุดแขน แต่แล้วเขาก็ต้องยั้งมือ เมื่อเขาเห็นเมฆเงยหน้าขึ้นพูดกับใครบางคนที่เขามองไม่เห็น

เด็กชายกลิ้งลูกบอลกลับไปให้กลุ่มเด็กที่เป็นเจ้าของ และเริ่มคลายความโกรธ เขามองเมฆอยู่สักพัก จนแน่ใจว่าเมฆกำลังนั่งเล่นลูกแก้วอยู่กับใครบางคนจริงๆ เด็กชายใช้ความคิดครู่หนึ่งแล้วจึงเข้าไปนั่งลงข้างๆ เมฆ

“นายเล่นดีดลูกแก้วงั้นเหรอ ตอนนี้ถึงตาใครแล้วล่ะ” เด็กชายถาม

คราวนี้แม้เมฆจะไม่ได้ตอบ แต่เขาสามารถก็รับรู้ได้จากท่าทางของเมฆที่หยุดเล่น แล้วจ้องมองไปตรงที่ว่างเบื้องหน้า

เด็กชายเริ่มใช้จินตนาการของตนเอง เขาคิดว่ามีเด็กล่องหนอีกคนกำลังดีดลูกแก้วอยู่ และเมื่อเด็กล่องหนเล่นเสร็จเด็กชายจึงเล่นต่อ “ตาฉันนะ” เด็กชายลงมือดีดลูกแก้ว

ไม่นานเกมดีดลูกแก้วก็ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน เมฆดีดลูกแก้วเก่งกว่าทุกคนที่เด็กชายรู้จัก แล้วจู่ๆ เด็กชายก็มองเห็นในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็น

สัตว์ประหลาดที่มีขนปุกปุยเต็มตัวนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงลานดินที่เดิมเคยว่างเปล่า มันกำลังลงมือดีดลูกแก้ว แม้เขาจะตกตะลึงสุดขีด แต่เด็กชายก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว

ในตอนนั้นนั่นเอง เมฆก็เริ่มพูดกับเด็กชาย

“ฉันจะดีดละนะ” เมฆพูดเบา ๆ แม้จะไม่ได้หันมามอง แต่เพียงเท่านี้เด็กชายก็ไม่รู้สึกเหงาอีกแล้ว เสียงหัวเราะสนุกสนานเริ่มดังขึ้น

“น้องเมฆ กลับได้แล้วลูก” แม่ของเมฆมาตามกลับบ้านแล้ว เด็กชายรีบลุกขึ้นและเตรียมจะหลบไป แต่ไม่ทัน

“อุ้ย เมฆได้เพื่อนใหม่แล้วเหรอครับ” แม่พูดกับเมฆและหันมาส่งยิ้มให้กับเด็กชาย

เด็กชายรีบยกมือไหว้ “เอ่อ เดี๋ยวผมจะไปแล้วครับ”

“จ้ะ แล้วคราวหน้ามาเล่นกับเมฆอีกนะ” แม่พูด

เด็กชายตาโต ฉีกยิ้มกว้าง

“ครับ” เด็กชายรับคำแล้วหันไปหาเมฆ “แล้วมาเล่นกันอีกนะ”


Jlada P.

กระต่ายน้อยประจำเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก ผู้ชอบไปนั่งหย่อนใจ เอกเขนกอยู่ที่เฉลียง พร้อมความคิดที่ว่าโลกยังสวยเสมอ

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST