จากผู้เขียน:
ปัจจุบันทุกคนพยายามสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในสังคมโลก ซึ่งความเท่าเทียมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนเปิดใจยอมรับ และให้คุณค่าของความเป็นคนกับทุกคนโดยเท่าเทียมกัน
ผู้เขียนจึงหยิบยกประเด็น การเปิดใจกว้างมานำเสนอผ่านนิทานเรื่อง ‘เปิดประตูให้หน่อย’ เพราะการเปิดใจยอมรับเป็นสิ่งที่เด็กมีโอกาสทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่ เพราะประสบการณ์ชีวิตยังน้อยจึงทำให้อคติภายในจิตใจน้อยตามไปด้วย ผู้ใหญ่จำเป็นต้องสอนให้เด็กระแวดระวัง และคิดอย่างรอบคอบในสถานการณ์ต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันผู้ใหญ่เองก็สามารถเรียนรู้ที่จะเปิดใจจากเด็กได้เช่นเดียวกัน
นิทานเรื่อง เปิดประตูให้หน่อย จึงใช้สัญลักษณ์ บ้าน แทน จิตใจ และใช้การเปิดประตูบ้าน แทน การเปิดใจยอมรับสิ่งต่าง ๆ เช่น เรื่องของเชื้อชาติ ศาสนา และวกกลับมาปิดจบด้วยเรื่องที่เป็นปัญหาของหลายๆ ครอบครัวอย่างการหย่าร้าง

คืนนี้ฝนตกหนัก แม่และฉันวิ่งฝ่าฝนกลับบ้าน
ปึง! แม่ปิดประตูบ้านแล้วหยิบผ้าขนหนูมาให้พวกเราเช็ดตัว
ระหว่างนั้นนั่นเอง ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น
“นี่ก็ดึกมากแล้วแถมฝนตกหนัก ไม่ควรมีใครมาหาเราในเวลาแบบนี้ แม่ว่าแม่ไม่เปิดประตูดีกว่า” แม่พูด
“แต่แม่คะ อาจจะมีใครกำลังเดือดร้อนอยู่ก็ได้ เขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือ”
“หนูคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะแม่”
แม่เชื่อฉัน แม่จึงเปิดประตู

ลูกแมวจรนั่นเอง มันตะกุยประตูบ้านเพราะมันหนาว และต้องการที่พักพิง
ฉันเลยขออนุญาตให้มันเข้ามาในบ้าน
“อืม… ก็ได้” แม่พยักหน้า

ก๊อก! ก๊อก! เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง
“ใครมาเคาะอีกแล้ว แม่จะไม่เปิดประตูละนะ” แม่พูด
“เปิดเถอะค่ะ มันอาจจะเป็นลูกแมวน่าสงสารอีกตัวก็ได้”
“หนูคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะแม่”
แม่เชื่อฉัน แม่จึงเปิดประตู

เด็กชายที่เคยนั่งขอทานอยู่ในระแวกบ้านของเรานี่
เขาเปียกไปทั้งตัว และท่าทางหิวมาก ฉันเลยขออนุญาตแม่ให้เขาเข้ามาในบ้านเรา
“อืม… ก็ได้” แม่พยักหน้า

ก๊อก! ก๊อก! เสียงประตูดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม
“โอ้ย นี่ยังจะมีใครมาหาเราพวกอีก แม่ไม่อยากให้คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านของเราอีกแล้วนะ แม่จะไม่เปิดประตูแล้ว”
“เปิดเถอะค่ะแม่ อาจจะเป็นคนที่เรารู้จักก็ได้นะคะ”
“หนูคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะแม่”
แม่เชื่อฉัน แม่จึงเปิดประตู

ลุงไมเคิลที่ทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้า ลุงไมเคิลรถเสียอยู่แถวนี้ แล้วฝนก็ตกลงมาขณะลุงพยายามซ้อมรถ จึงทำให้ซ้อมรถต่อไม่ได้ ฉันขออนุญาตแม่ให้ลุงไมเคิลเข้ามาพักในบ้านของเรา
“อืม… ก็ได้” แม่พยักหน้า

ก๊อก! ก๊อก! เสียงประตูดังขึ้นอีก
“ทำไมคืนนี้ทุกคนถึงต้องมาที่บ้านเรา แม่จะไม่เปิดประตูแล้วนะ”
“เปิดเถอะค่ะแม่ ถ้าเขาไม่เดือดร้อนจริงๆ คงไม่มาเคาะประตูบ้านเรา แล้วหนูก็คิดว่าคงไม่มีใครมาอีกแล้วล่ะค่ะ”
“หนูคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะแม่”
แม่เชื่อฉัน แม่จึงเปิดประตู

ป้าโยฮันนาเพื่อนบ้านของเรา ป้าโยฮันนาทำกุญแจบ้านหาย ป้าพยายามหากุญแจอยู่นานแต่ก็ไม่พบ ตอนนี้ป้าโยฮันนาตัวเปียกโชกไปหมด ฉันเลยขอนุญาตแม่ ให้ป้าโยฮันนาเข้ามาพักในบ้าน
“อืม… ก็ได้” แม่พยักหน้า

ก๊อก! ก๊อก! เสียงประตูดังขึ้นเป็นครั้งที่ห้า
“นั่นไง ยังมีคนมาอีกจนได้” แม่บ่นอุบ
“เดี๋ยวหนูเปิดเองค่ะแม่” ฉันว่า แล้วรีบเปิดประตู

พ่อนั่นเอง พ่อยืนกางร่มอยู่ที่หน้าบ้าน
“แม่คะ พ่อมาค่ะ”

“…”
แม่นิ่งไป
“หนูเปิดประตูให้แล้ว แต่แม่จะให้พ่อเข้ามาในบ้านเราไหม หนูให้แม่ตัดสินใจเลยค่ะ”
COMMENTS ARE OFF THIS POST