ลุงสารภีกับหนูพวงชมพู

จากผู้เขียน:

บางครั้งความไร้เดียงสา และไม่ซับซ้อนของเด็กๆ ก็ช่วยเยียวยาจิตใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลแห่งประสบการณ์ของผู้ใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ มุมมองของเด็กอาจสร้างวิธีการแก้ไขปัญหา หรือเยียวยาจิตใจในแบบที่ผู้ใหญ่อาจจะคิดไม่ถึง ดังนั้นใช่ว่าเด็กต้องการผู้ใหญ่คอยดูแลสั่งสอน และให้ความรักฝ่ายเดียว แต่ผู้ใหญ่เองก็ต้องการเด็กๆ เพื่อจะได้ซึมซับเอาความบริสุทธิ์สดใสที่ตนเองอาจทำหล่นหายไประหว่างการเติบโตกลับมาด้วย

Sarapee_1

ณ หมู่บ้านแทบชานเมืองแห่งหนึ่ง มีบ้านสองหลังที่ปลูกติดกันโดยมีเพียงรั้วไม้กั้นอาณาเขตของบ้านทั้งสองเอาไว้

บ้านทั้งสองแตกต่างกันมาก หลังหนึ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ และสีชมพูสดใสของพุ่มดอกพวงชมพูที่ปลูกเอาไว้รอบบ้าน ส่วนบ้านหลังข้างๆ มีเพียงต้นสารภีต้นสูง รูปร่างหงิกงอและบิดเบี้ยว ยืนต้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ผู้อยู่อาศัย ในขณะที่ต้นพวงชมพูพูดคุยกับดอกไม้ใบหญ้าและสัตว์นานาชนิดอย่างมีความสุข  ต้นสารภีก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบไร้ผู้คนสนใจ จนกระทั่ง

“สวัสดีค่ะ ลุงเป็นต้นสารภีใช่ไหม… อ่า ต้องใช่อยู่แล้วสิ เพราะว่าลุงนกกระจิบกระซิบบอกหนูมา แต่ เอ๊! ทำไมลำต้นของลุงถึงได้เป็นแบบนั้นล่ะ ปกติไม้ยืนต้นต้องตัวตรงสิ แต่ตัวลุงนี่งอไปงอมาเหมือนหนูเลย” เสียงเจื้อยแจ้วของพวงชมพูที่เพิ่งจะเลื้อยสูงพ้นจากรั้วไม้เอ่ยถามเพื่อนบ้าน

Sarapee_2

ต้นสารภีโน้มกิ่งต่ำมองไปที่เจ้าของเสียงสดใส ซึ่งตัวเองก็แอบชื่นชมความสดใสและสวยงามของต้นพวงชมพูมาตลอด นับตั้งแต่ต้นพวงชมพูยังเป็นพุ่มไม้ขนาดเล็กจิ๋ว ทำให้กิ่งใบของมันสั่นไหว ใบไม้ เปลือกไม้ และดอกของมันร่วงหล่นลงบนพื้น

“เรื่องของลุงมันไม่น่าฟังหรอก” แม้จะอยากคุยด้วย แต่สารภีกลับตอบตัดบทด้วยน้ำเสียงสากกระด้าง

“อ๋า… ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากฟัง” พวงชมพูตอบด้วยความใสซื่อ จนเปลือกไม้ของสารภีต้องแตกออกอีกครั้ง เพราะมันเผลอหลุดยิ้มออกมา

Sarapee_3

“ตอนแรกลำต้นของลุงก็ตรงปกติเหมือนต้นไม้ทั่ว ๆ ไปนี่ล่ะ แต่แม่หนูเจ้าของบ้านอยากได้ชิงช้าไว้ไกงเล่น พ่อกับแม่เขาก็เลยตัดลุง ตอกลุง ดัดลุง จนได้รูปร่างที่สามารถแขวนชิงช้าตัวจิ๋วได้ แม่หนูมีความสุขบนชิงช้าใต้ร่มเงาของลุงมาก แม่หนูหัวเราะเสียงดัง แต่ไม่นานเสียงหัวเราะก็กลายเป็นเสียงสะอื้น แม่หนูนั่งเศร้า เลิกแกว่งไกวชิงช้า เพราะพ่อแม่ทะเลาะกัน…

พ่อย้ายออกจากบ้านไปเป็นคนแรก แล้วแม่กับแม่หนูก็ย้ายตามออกไป… เวลาผ่านไปเชือกชิงช้าขาด แผ่นไม้ที่ใช้นั่งก็เริ่มผุ ชิงช้าใช้งานไม่ได้อีก เหลือไว้เพียงลำต้นของลุงที่รูปร่างหงิกงอน่าเกลียด” ต้นสารภีพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

Sarapee_4

 “ถ้าลุงอยากกลับไปตัวตรง ก็ลองเลื้อยไปเกาะเสาดูสิคะ เหมือนหนูไง หนูเลื้อยไปได้ทุกที่ จะงอหรือตรงก็ได้ทั้งนั้น” ต้นพวงชมพูพยายามหาทางช่วยเพื่อนใหม่

สารภีสายหัว “…ลุงทำแบบหนูไม่ได้หรอกหนูพวงชมพู… ตัวลุงแข็งทื่อ  นี่คงเป็นชะตาที่ลิขิตไว้ให้ลุงเกิดมาเป็นต้นสารภีที่น่าเกลียดที่สุด” สารภีพูดเศร้า ๆ

“หนูว่าลุงก็ไม่ได้น่าเกลียดนะ ก็แค่ไม่เหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นอื่นๆ แล้วลุงก็…พิเศษกว่าใคร เพราะครั้งหนึ่งก็ลุงเคยเป็นที่พักพิงให้เจ้าของบ้านมาก่อน” พวงชมพูพูด

“แต่สุดท้ายลุงก็ไม่เหลือใคร…”

“ลุงก็แค่เหงา แล้วก็ไม่ยอมคุยกับใครต่างหาก” พวงชมพูสวนทันควัน

“หนูรู้ได้ยังไง ว่าลุงไม่เคยคุยกับใคร ในเมื่อหนูก็พึ่งเลื้อยสูงพ้นรั้ว และเราก็เพิ่งรู้จักกัน” สารภีถาม

“เพราะหนูไม่เคยได้ยินเสียงของลุงยังไงล่ะ… อย่าคิดว่าคนอื่นจะไม่ชอบลุง เพราะลุงไม่ชอบตัวเองสิ” เปลือกของสารภีแตกร่วงลงพื้นอีกครั้ง

“แต่หลังจากนี้ลุงจะไม่เหงาอีกแล้วนะ เพราะหนูจะมาคุยกับลุงทุกวันเลย” พวงชมพูตอบเสียงใส

Sarapee_5

“ขอบใจ แต่อย่าเสียเวลากับลุงเลย ยังไงลุงก็อยู่ได้อีกไม่นาน” สารภีพูดเบาๆ

“ทำไมล่ะ?”

“หนูพูดถูก ลุงเหงา ความเหงามันทำให้ลุงไม่อยากกินดื่มอะไร ลุงกำลังจะยืนต้นตาย” สารภีพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

พวงชมพูกำลังคิดอย่างหนักจนพุ่มของมันสั่น “อ๋า หนูคิดออกแล้ว หนูมีอะไรดีๆ ให้ลุงดู แต่ลุงต้องรอหนูอีกสักเดือน… ลุงจะรอได้ไหม” พวงชมพูถาม

“ลุงไม่แน่ใจ แต่ถ้าลุงพยายามกินอาหารลุงก็คงยังมีชีวิตอยู่รอหนูได้”

“ดีเลย…ถ้าอย่างนั้น ระหว่างนี้ลุงต้องกินเยอะๆ แล้วที่สำคัญต้องหลับตาตลอด หนูสัญญาว่าจะมาคุยกับลุงทุกวัน แต่ลุงห้ามลืมตาเด็ดขาดจนกว่าของที่หนูจะให้ดูจะเสร็จ สัญญานะ” พวงชมพูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เปลือกไม้ของสารภีแตกออกร่วงลงสู่พื้นหญ้าอีกครั้ง “อืม…​ ได้”

Sarapee_6

นับตั้งแต่นั้น สารภีก็ลืมความเหงา เพราะมีเสียงแจ๋วแหว๋วของพวงชมพูมาอยู่เป็นเพื่อน และมันก็กลับมากินอาหารดังเดิม ไม่นานก็ครบตามหนึ่งเดือน

“ลืมตาได้แล้วค่ะ ลุงสารภี” เสียงใสๆ เอ่ยบอก

สารภีลืมตาขึ้น เปลือกไม้แตกตกลงพื้นเหมือนครั้งแรกที่ทั้งคู่พบกัน “หนูพวงชมพู!” สารภีส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจและปิติยินดีอย่างมาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือพุ่มของพวงชมพู บัดนี้ ได้เลื้อยข้ามรั้วไม้สีขาว เลื้อยละพื้นหญ้า และเลื้อยโอบพันรอบลำต้นของมัน

“ชอบไหมคะ หนูช่วยอะไรลุงไม่ได้ แต่หนูโอบกอดลุงไว้แล้วนะ… หนูไม่เคยคิดว่าลุงน่าเกลียดเลยนะคะ” ความอ่อนหวานของพวงชมพูทำให้หัวใจของสารภีพองโต

Sarapee_7

ทันใดนั้นรถกระบะคันใหญ่ก็ขับก็ขับเข้ามาในบ้านของสารภี ประตูรถเปิด

“ดูสิ มีคนย้ายเข้ามาแล้ว” สารภีพูดอย่างดีใจ

พ่อแม่ และเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ที่ใบหน้าแดงก่ำตาบวมเพราะเพิ่งจะเสียน้ำตาจากการย้ายบ้าน เด็กน้อยไม่อยากเข้าบ้านที่ตัวเองไม่คุ้นเคย เลยเดินมาอาศัยร่มเงาของสารภีและพวงชมพูเพื่อหลบแดด เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองต้นสารภีอย่างช้าๆ แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า เธอตะโกนสุดเสียงว่า

“ชิงช้า!”

Sarapee_8

ชิงช้าตัวใหม่ก็ถูกต่อเข้ากับกิ่งก้านของต้นสารภี แล้วบ้านทั้งสองหลังเต็มไปด้วยเสียงเด็กหัวเราะคิกคักของเด็กๆ

“ขอบคุณนะ พวงชมพูที่กอดลุงไว้ จนลุงมีวันนี้”


Jlada P.

กระต่ายน้อยประจำเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก ผู้ชอบไปนั่งหย่อนใจ เอกเขนกอยู่ที่เฉลียง พร้อมความคิดที่ว่าโลกยังสวยเสมอ

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST