จากผู้เขียน:
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ คนเราจะเข้าใจกัน หรือหมางใจกัน สังคมจะขับเคลื่อนไปข้างหน้า หรือถอยหลัง ปัจจัยหนึ่งก็คือ การสื่อสาร นั่นเอง แต่ดูเหมือนเมื่อคนที่มีช่วงวัยต่างกันมากๆ มาพูดคุยกัน มักจะเกิดปัญหาในการสื่อสารมากกว่าคนที่อยู่ในช่วงวัยใกล้เคียงกันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในหน่วยที่เล็กที่สุดอย่างครอบครัว (พ่อแม่กับลูก) หรือหน่วยที่ใหญ่ขึ้นไปอย่างสังคมก็ตาม นิทานเรื่อง คำถามของกุ้งตัวน้อย นี้อาจทำให้คนอ่านได้รู้ถึงสาเหตุของปัญหา และตระหนักว่าเราควรสื่อสารกัน โดยเริ่มจากการเห็นค่าของการตั้งคำถาม และการตอบคำถาม
ที่ 1 : ป้ายกฎ ในทะเล
ในท้องทะเลลึก ณ หมู่บ้านกุ้งทะเล เหล่ากุ้งทะเลอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข กุ้งทุกตัวต่างปฏิบัติตามกฎเหล็กของหมู่บ้านที่เขียนขึ้นโดยผู้เฒ่ากุ้ง—ผู้ปกครองหมู่บ้านกุ้งทะเล อย่างเคร่งครัด
กฎเหล็กแห่งหมู่บ้านกุ้งทะเล มีอยู่ทั้งหมด 3 ข้อ ได้แก่
ข้อที่ 1 กุ้งทุกตัวจะต้องอาศัยอยู่ใกล้แนวปะการัง และห้ามออกไปไกลจากหมู่บ้าน
ข้อที่ 2 กุ้งทุกตัวจะต้องโค้งงอหลังตลอดเวลา
ข้อที่ 3 กุ้งทุกตัวต้องทำตามกฎโดยไร้ข้อโต้เถียงใด ๆ
กุ้งทุกรุ่น ทุกยุค ทุกสมัยต่างปฏิบัติตามกฎนี้เรื่อยมา จนเกิดเป็นภาพจำว่าพวกกุ้งต้องตัวงอหลังค่อมโค้ง
ทว่า… ทุกสิ่งกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อกุ้งเด็กทั้งหลายเริ่มตั้งคำถามกับกฎทั้ง 3 ข้อ และจับกลุ่มพูดคุยกัน
“ผมอยากตัวตรงดูสง่าเหมือนพวกปลา พวกปูบ้าง แต่พวกเราเกิดมาก็หลังค่อมแล้ว” กุ้งตัวน้อยตัวหนึ่งพูด
“ไม่จริง ฉันรู้มาว่าเดิมพวกเราหลังตรง แต่เพราะผู้เฒ่ากุ้งเขียนกฎพวกนี้ขึ้นมา นับแต่นั้นกุ้งทุกตัวก็ถูกฝึกให้หลังงอตั้งแต่เกิด จริงๆ พวกเราแค่ยืดหลัง ก็หลังตรงแล้ว” กุ้งจิ๋วอีกตัวตอบ
“เราเห็นด้วยนะ เราเคยถามเต่าที่ว่ายผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน เต่าบอกว่าไม่มีสัตว์ตัวไหนในท้องทะเลที่หลังค่อมแบบพวกเราเลย แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ไม่กล้าหลังตรงหรอก ในเมื่อยังมีกฎเหล็กอยู่” กุ้งละอ่อนออกความเห็น
“งั้นกฎของ 2 ที่ห้ามออกไปไกลหมู่บ้าน คงเพราะไม่อยากให้เราไปเห็นว่าสัตว์ตัวอื่นหลังตรงกันหมดแน่ๆ” กุ้งกระจิริดเสริม
“ทำไมต้องให้พวกเราหลังค่อมด้วยนะ พวกเรายังเด็กอยู่แท้ๆ แต่ต้องมาทำหลังค่อม หลังงอเหมือนคนแก่” กุ้งจิ๋วว่า
“ใช่แล้ว! เราว่า ต้องเป็นเพราะผู้เฒ่ากุ้งอยากให้กุ้งทุกตัวหลังค่อมหลังงอเหมือนผู้เฒ่าเองยังไงล่ะ แล้วที่ไม่อยากให้ออกไปไกลหมู่บ้านก็เพราะไม่อยากให้เราไปเห็นสัตว์ตัวอื่น แล้วเกิดอยากหลังตรงขึ้นมา มันต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆ ” กุ้งตัวเล็กพูดเสียงดัง
“คิดเองเออเองแบบนี้ไม่มีเหตุผลเลยนะ มันอาจจะเป็นเหตุผลอื่นก็ได้ ผมว่า… เราน่าจะไปลองถามผู้เฒ่ากุ้งให้รู้เรื่องไปเลย” กุ้งน้อยตอบ
“แต่กฎข้อสุดท้ายบอกว่า ต้องทำตาม ห้ามเถียงนะ” กุ้งละอ่อนว่า
“แค่ถาม ไม่ได้เถียงสักหน่อย คงไม่ผิดกฏหรอก” กุ้งน้อยตอบ สุดท้ายกุ้งเด็กทุกตัวจึงมุ่งหน้าไปหาผู้เฒ่ากุ้ง
ณ ปะการังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน ผู้เฒ่ากุ้งต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีฝูงกุ้งเด็กเสียงเจี๊ยวจ๊าวบุกรุกเข้ามา กระหน่ำถามคำถามกันจนฟังไม่รู้เรื่อง
“พวกเราอยากรู้ว่าทำไมพวกเราต้องหลังงอด้วย” กุ้งน้อยถาม
“ฮะ ว่าอะไรนะ” ผู้เฒ่ากุ้งหูไม่ค่อยดีแล้ว
“ทำไมกุ้งเด็กอย่างพวกเราต้องหลังงอด้วย พวกเราอยากหลังตรงสง่างาม ไม่อยากหลังค่อมเหมือนคนแก่อย่างผู้เฒ่าหรอกนะ” กุ้งละอ่อนถามและพยายามชี้หลังของตัวเอง
“ฮะ ว่าอะไรนะ ฉันไม่ค่อยได้ยินเลย แล้วขยับอะไรหยุกหยิกๆ อยู่เฉยๆ ได้ไหม ฉันตาลายหมดแล้ว ลูกเต้าเหล่าใครนี่ ปล่อยให้มาวิ่งเล่นซนในบ้านฉันได้ยังไง” ผู้เฒ่าบ่นไปตามประสากุ้งสูงวัย พรางโบกสะบัดแข้งขาให้กุ้งทุกตัวอยู่ในความสงบจนหมดแรงหอบแฮ่กๆ
“แย่แล้ว ผู้เฒ่ากำลังขู่พวกเราอยู่แน่ๆ เขาจะต้องไปฟ้องเรื่องนี้กับพ่อแม่เรา กลับกันไหม” กุ้งเด็กซุบซิบกันจนยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม
“ไม่ ผมจะไม่กลับง่ายๆ” กุ้งน้อยพูด แล้วสูดลมหายใจเต็มปอดพร้อมเปล่งเสียงถามว่า “พวกเราอยากรู้ว่าทำไมต้องทำตามกฎด้วย!”
“อ๋อ… ได้ยินแล้ว” ในที่สุดผู้เฒ่าก็ได้ยินคำถาม แต่เพราะผู้เฒ่าทั้งเหนื่อยและอ่อนเพลียจากความวุ่นวานทั้งหมด ผู้เฒ่ากุ้งจึงตอบตัดบทไปเพียงสั้นๆ ว่า “กฎมีไว้ให้ทำตาม ไม่ใช่ให้มาซักไซ้ เลิกเล่นซนแล้วกลับบ้านไปให้หมด” กุ้งเด็กถูกไล่ออกมาจนหมด
เมื่อไม่ได้รับคำอธิบาย บรรดากุ้งเด็กก็ยิ่งต่อต้าน สุดท้ายพวกมันทุกตัวจึงรวมกลุ่มกันเพื่อแหกกฎ
“กุ้งเด็กอย่างพวกเรา วันข้างหน้าก็จะเติบใหญ่ไปเป็นกุ้งผู้ใหญ่ แล้วออกลูกออกหลาน ฉะนั้นถ้าพวกเราไม่ยอมหลังงอกันตั้งแต่วันนี้ ลูกหลานของพวกเราก็จะไม่ต้องหลังงอตามกฎไร้สาระของกุ้งแก่ๆ อย่างผู้เฒ่ากุ้งอีก!” กุ้งเด็กพร้อมใจกันยืดตัว หนำซ้ำยังพากันว่ายน้ำไปไกลจากหมู่บ้านด้วย
“แย่แล้วครับ แย่แล้ว! ตอนนี้ กุ้งเด็กๆ กำลังว่ายออกจากแนวปะการัง แถมยังยืดหลัง ทำตัวตรง เด่นเลยครับ” ” ทหารกุ้งรีบว่ายมาแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายกับผู้เฒ่ากุ้ง
ผู้เฒ่ากุ้งตกใจจนแทบยืนไม่อยู่ “ไม่นะ พวกเด็กจะพาตัวเองไปตายกันหมด รีบบอกทหารกุ้งทุกตัวให้ออกไปจับเด็กพวกนั้นกลับมา”
เป็นจริงอย่างที่ผู้เฒ่ากุ้งกลัว เพราะการว่ายออกไปนอกแนวปะการังและยืดตัวตรง ทำให้สัตว์นักล่าที่กินกุ้งเป็นอาหารเห็นพวกกุ้งเด็กได้เด่นชัดขึ้น กุ้งเด็กกว่าครึ่งจึงถูกจับกินเป็นอาหารอย่างรวดเร็ว แต่ทหารกุ้งก็สามารถจับกุ้งเด็กที่เหลือกลับมายังหมู่บ้านได้อย่างปลอดภัย กุ้งเด็กทั้งหมดถูกจับขังไว้ในคุกบาดาลทันที
แต่การถูกจับ กลับทำให้กุ้งเด็กที่เหลือโกรธแค้น และตั้งตัวเป็นศัตรูกับกุ้งที่แก่กว่าทุกตัว ขณะอยู่ในคุกพวกมันเริ่มวางแผนหาทางแหกคุก จนกระทั้งมีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้องขัง กุ้งน้อยพูดขึ้นนิ่งๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พอได้แล้วพวกเรา… เหตุผลที่ผู้เฒ่ากุ้งตั้งกฎขึ้นมา ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา พวกนายอาจจะไม่ได้เห็น แต่ผมเห็น ตอนที่เพื่อนโดนกินไปต่อหน้าต่อตา มันเป็นเพราะพวกเราแหกกฎ ถ้าผมไม่ถูกทหารกุ้งช่วยไว้ ป่านนี้ก็คงถูกย่อยอยู่ในท้องสัตว์ทะเลสักตัว”
“ใช่แล้วล่ะ” ผู้เฒ่ากุ้งปรากฏตัวขึ้น
“ได้ยินที่กุ้งน้อยตัวนั้นพูดแล้วนี่ เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมด เกิดขึ้นก็เพราะเด็กที่ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่แบบพวกเธอ ถ้ายังคิดกันไม่ได้ ฉันก็จะขังพวกเธอไว้แบบนี้แหละ”
“ไม่ครับ” กุ้งน้อยตะโกนเสียงดัง ผู้เฒ่ากุ้งขมวดคิ้ว
“มันไม่ใช่ความผิดของกุ้งเด็กอย่างพวกเราฝ่ายเดียว ผู้เฒ่าเองก็ผิดเหมือนกัน ทำไมวันนั้นไม่ตอบคำถามของพวกเรา เสียงของพวกเราคงดังไม่พอ หรือผู้เฒ่าคงเหนื่อยเกินกว่าจะตอบ จนตอนนี้เราต้องเสียเพื่อน พี่น้อง และผู้เฒ่าเองก็ต้องเสียลูกหลาน ผมพูดถูกไหมครับ”
ผู้เฒ่ากุ้งนิ่งไป กุ้งเด็กตัวอื่นๆ ก็เช่นกัน
“ปล่อยพวกเขา” ผู้เฒ่าสั่ง
นับแต่นั้น กฎเหล็กของหมู่บ้านก็เปลี่ยนไป ผู้เฒ่าเปลี่ยนกฎเล็กน้อย โดยไม่ลืมที่จะใส่เหตุผลลงในกฎ 2 ข้อแรก และ ลบกฎข้อที่ 3 ทิ้ง ผู้เฒ่าไม่เคยเหนื่อยที่จะตอบคำถามอีก และไม่มีกุ้งเด็กตัวใดแหกกฎอีกเลย
COMMENTS ARE OFF THIS POST