READING

น้ำคร่ำแตกกลางคอนโดฯ—สุพิชา สอนดำริห์...

น้ำคร่ำแตกกลางคอนโดฯ—สุพิชา สอนดำริห์

หึหึ อุตส่าห์หาฤกษ์วันเกิดลูกมาจากหลายพระอาจารย์ มั่นใจมากว่าจะรอไปถึงวันนั้นแน่นอน บวกกับคำพูดหมอ “โอ๊ย อย่างคุณนี่ ยังได้อยู่” แต่ก้มหน้ามองท้องตัวเอง หมอคะ นี่ท้องโย้จนจะติดพื้นอยู่แล้ว “หมอดูจากอะไรคะ หนูว่าผ่าเลยเถอะค่ะ” หมอยิ้มมุมปาก “ก็ดูสิ หน้าคุณอะเลิร์ตจะตาย แล้วนี่เรียกปุ๊บ หันปั๊บ ฉึบฉับขนาดนี้ ไม่ต้องรีบผ่าเลย” หืมมม ขัดใจ คืออยากจะผ่ามากแล้ว นี่น้ำหนักเพิ่มมา 24 กิโลกรัมขาดตัว หมอออออคะ หนูแบกลูกต่อไปไม่ไหวแล้ววววว

.

แต่ทำไงได้ คุณหมอบอกว่ายังไหว เราก็ต้องทนต่อไป! โอเค งั้นชิลเลยละกัน อยากกินอะไรก็จะกินให้หนักกว่าเดิมล่ะทีนี้ ใช้ชีวิตประหนึ่งคนโสด กระโดดขึ้นโฟร์วีลส์ขับเดินสายเยี่ยมเพื่อนๆ ตามออฟฟิศ กลับบ้านสามสี่ทุ่ม นอนดูซีรีส์ยันตีสาม ร้านขนมที่เคยอยากกินแต่ไม่เคยกล้ากิน ก็ไปเลยค่ะ เต็มที่! ข้ออ้างที่สมเหตุสมผลที่สุด คือบอกตัวเองว่าเป็นโอกาสสุดท้ายก่อนจะคลอด!

ผ่านไปอีกสองอาทิตย์ ก็ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น!

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน ปีมะโรง 2012 หลังไปลันช์กับเพื่อนสาว ก็นึกขึ้นได้ว่า เอ๊ะ! ควรไปทำเล็บสักนิด เลยขับรถไปร้านทำเล็บไฮโซที่เล็งมานาน แพงหน่อยไม่เป็นไร เราต้องให้รางวัลตัวเองก่อนคลอดสิ ลืมคำเตือนของหมอที่ว่า “ใกล้คลอดแล้ว ไม่ต้องขับรถ ไม่ต้องซ่ามากนะครับ” เสียสนิท นั่งทำเล็บไปเกือบสองชั่วโมง พอได้เล็บสวยๆ แล้วก็พาร่างอันเกือบปริขับรถกลับคอนโดฯ เอ! ทำอะไรต่อดี นอนเล่นดูยูทูบดีกว่า ดูไปก็ร้องไห้ไปด้วยความเซนซิทีฟตามประสาคนท้อง สักแป๊บ… โพ้ะ!

เฮ้ย!!! เสียงอะไร???

หรือว่า?!

พอลองยืนเท่านั้นแหละ น้ำทุกน้ำในร่างก็ทะลักลงมานองที่พื้นทันที มาย ก๊อด! นี่เรากำลังจะมีประสบการณ์น้ำคร่ำแตกจริงหรือนี่ เอาไงดี ไปห้องน้ำก่อน หรือเช็ดน้ำก่อนดี เอ๊ย! แต่น้ำมันไม่หยุดไหล สติต้องมา สิ่งแรกที่นึกถึงคือ คุณหมอที่จะผ่าตัดเราวันนี้จะอยู่ไหม นึกได้ก็รีบโทรศัพท์หาพยาบาลทันที

“น้องฝน พี่น้ำคร่ำแตกแล้ว คุณหมออยู่ไหม จองผ่าให้พี่เลย” เสร็จแล้วฝากพยาบาลช่วยโอนไปแผนกฉุกเฉินต่อ ขอรถแอมบูแลนซ์มารับด่วน วางสายเสร็จก็ลุกไปเตรียมหาของใช้จำเป็นเก็บใส่กระเป๋า

ไม่ถึงยี่สิบนาที รถแอมบูแลนซ์ก็มาถึงใต้คอนโดฯ ส่วนคุณหมอก็ขึ้นมาเคาะถึงหน้าประตูห้อง เราเดินไปเปิดประตูในสภาพที่หนีบผ้าเช็ดตัวเอาไว้ที่ขา ผงะ! ตายๆๆๆๆๆ เพราะคุณหมอที่มาพร้อมแอมบูแลนซ์หล่อมาก นี่ฟ้าส่งมาเพื่อพาเราไปคลอดแน่ๆ ทั้งหล่อ อ่อนโยน และดูแลดีขนาดนี้ เหมือนเป็นเทวดาจริงๆ เลย (ยังมีเวลาเพ้อ)

คุณหมอหนุ่มค่อยๆ พาเราขึ้นรถ ทั้งวัดความดัน และตรวจอาการทั่วไปให้ ตลอดทางก็คอยถามว่าโอเคอยู่ไหม ในใจเราก็ตื่นเต้นดีที่ได้มีประสบการณ์ในรถแอมบูแลนซ์ครั้งแรก แถมยังได้มาอยู่ในมือหมอหน้าเลิศเช่นนี้

ผ่านไปไม่กี่นาที รถก็มาจอดที่โรงพยาบาล โห! เหมือนในหนังเด๊ะ ตอนที่บุรุษพยาบาลเข็นเตียงลงรถผ่านห้องต่างๆ ประตูตามห้องก็เปิดออกพึ่บพั่บ ชวนให้ตื่นเต้นมากเลย จนมาถึงห้องพักฟื้น คุณหมอก็ส่งตัวเราต่อให้พยาบาล แหม! เสียดายจัง พยาบาลเดินมาบอกเราว่า “คุณหมอมีอีกสามเคส เดี๋ยวสักห้าโมงครึ่งก็ผ่าได้เลยค่ะ” แล้วก็ให้เรานั่งรอบนโซฟาตัวใหญ่ ดิมไฟในห้องให้สลัว พร้อมมาตรวจภายในดูความพร้อมของมดลูกว่าไปถึงไหนแล้ว อยู่ดีๆ สมองก็แว่บขึ้นมาทันทีว่า เอ! มาขนาดนี้แล้วโทร. หาอาจารย์หมอ (ดู) ดีกว่า “อาจารย์คะ น้ำคร่ำแตกต้องผ่าแล้วค่ะ ขอฤกษ์ด่วนเลยค่ะอาจารย์” อาจารย์ตอบกลับมาด้วยเสียงสงบและหนักแน่น “รอแป๊บ เดี๋ยวอาจารย์โทร. กลับ”

“หลังหกโมง ได้ทุกฤกษ์”

“จารย์คะ จารย์เลือกมาเลยค่ะ

“หกโมงสิบแปดนาที”

และเวลาหกโมงสิบแปดนาทีของวันเดียวกันนั้น ‘ทักทาย’ เด็กชายที่ร้องดังที่สุดในห้องคลอด ตื่นทุกชั่วโมง ดูดนมแม่ทีละสี่ชั่วโมงติด โดนผ่าตัดไส้เลื่อนตั้งแต่อายุสองเดือน ปั่นลูกบอลคล่องปรื๊ดตอนเก้าเดือน เรียกแม่เป็นคำแรกได้ตอนเดือนที่สิบ หงายหลังตกเตียงหัวปักสามครั้ง ร้องเพลง Yesterday ได้ตอนสองขวบ จนตอนนี้สี่ขวบแล้วก็ยังดีใจทุกครั้งที่แม่อุ้ม
.

ทักทายน้อยออกมาดูโลกแล้ว

“ขอต้อนรับสู่โลกนะลูก”

“นี่แม่นะลูก”

.


About Author
สุพิชา สอนดําริห์ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร CLEO
คุณแม่คนสวยคนเก่งของน้องทักทายและน้องทับทิม

Guest Writer

นักเขียนรับเชิญ (แทบ) ไม่ซ้ำหน้า ที่จะมาแชร์ประสบการณ์และเรื่องราวที่ (แทบ) ไม่ซ้ำใคร

RELATED POST