สำหรับเด็กวัย 3 – 5 ปี คือช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้เรียนรู้ความรู้สีกรักและหวงแหนอย่างจริงจังครั้งแรกในชีวิต ซึ่งความรักของเด็กวัยนี้ จะแสดงออกในรูปแบบลูกที่อยากอยู่ใกล้ชิดกับคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลา

และถ้าสังเกตให้ดี เราจะพบว่าช่วงวัยนี้ ลูกสาวจะเริ่มให้ความสนใจและติดคุณพ่อมากขึ้น ส่วนลูกชายก็ติดคุณแม่ และอาจติดมากถึงขั้นรักและหวงคุณแม่จนไม่อยากให้ใครมายุ่ง (แม้แต่คุณพ่อเองก็ไม่ได้!)

ลูกชายติดแม่ เป็นหนึ่งในพฤติกรรมตามธรรมชาติของเด็กผู้ชาย หรือที่เรียกว่า Oedipus Complex ซึ่งเป็นทฤษฎีเกี่ยวกับความผูกพันของเด็กกับพ่อแม่ที่เป็นเพศตรงข้าม โดย Sigmund Freud นักจิตวิเคราะห์ชื่อดังและได้รับการยอมรับในระดับโลกที่ได้อธิบายว่า จิตใต้สำนึกของเด็กผู้ชายวัย 3–5 ขวบ กำลังต้องการความรักจากคุณแม่ และเริ่มอิจฉาเวลาที่คุณพ่อแสดงความรักต่อคุณแม่ด้วย รวมถึงหากคุณแม่แสดงความรักต่อคุณพ่อ ลูกชายก็จะรู้เหมือนถูกแย่งความรักไปเช่นเดียวกัน

ความรู้สึกนี้ เป็นกลไกขับเคลื่อนให้ลูกชายอยากเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อ เพราะต้องการเป็นที่รักของคุณแม่ ก่อนที่จะค่อยๆ เรียนรู้และสร้างตัวตนของตัวเองให้เป็นที่รักของทุกคนต่อไป

อีกสิ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมลูกชายจึงมีโอกาสรักและหวงแหนคุณแม่มากเป็นพิเศษ ก็คือการที่ลูกรู้สึกถึงความรักจากคุณแม่ ผ่านการสัมผัสทางร่างกาย ทั้งการโอบกอด หอมแก้ม เท้า มือ รวมถึงความอบอุ่นที่ได้จากการให้ลูกกินนมจากเต้า

ในขณะที่บางครอบครัวอาจกังวลและคิดว่า ลูกชายติดแม่ เป็นเรื่องน่าอาย แต่เราอยากให้ลองมองข้อดีของสายสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับลูกชาย ที่จะส่งผลต่อลูกชายไปตลอดชีวิตเลยล่ะค่ะ

1. เติบโตเป็น ‘ลูกผู้ชาย’ ที่ดี

#มีพฤติกรรมที่ดี จากการศึกษาของ Dr. Pasco Fearon จาก University of Reading มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านการวิจัยและด้านการเรียนการสอนของสหราชอาณาจักร ระบุว่า เด็กผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณแม่ตั้งแต่ยังเล็ก จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี และมีปัญหาด้านพฤติกรรมน้อยกว่าเด็กผู้ชายที่ไม่ค่อยได้รับความรักจากแม่

เพราะความรักและสายสัมพันธ์ที่ดี เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ลูกเกิด ผ่านการอุ้มปลอบ โอบกอด การให้นมแม่ หรือแม้กระทั่งตอบสนองต่อเสียงร้องไห้ในเชิงบวก ส่งผลให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ เมื่อได้ความรักและความอ่อนโยนต่อเนื่องอย่างเหมาะสม ย่อมส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดีได้

ในขณะเดียวกันยังมีผลการศึกษาพบว่า เด็กที่ไม่เคยกอดแม่ หรือไม่ได้รับการตอบสนองจากแม่อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย มักจะมีพฤติกรรมด้านลบ เช่น เป็นบุคคลอันตราย ไม่เป็นมิตร และก้าวร้าวมากขึ้น

#มีสุขภาพจิตที่ดี สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ระบุว่า เด็กผู้ชายที่ใกล้ชิดกับคุณแม่ มักจะมีมุมที่อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี และ มีความยั้งคิด รวมถึงสามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดี เช่น การยอมรับความอ่อนแอด้วยการร้องไห้เสียใจออกมา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสภาพจิตใจของลูกในระยะยาวต่อไป

2. เติบโตไปเป็นคน ‘คิดเป็น’

#ส่งเสริมให้ลูกกล้าทำกล้ารับ คุณแม่คือคนสำคัญสำหรับลูก โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ที่มักจะใส่ใจความรู้สึกของคุณแม่ และเมื่อทำผิด ลูกชายจะกล้าสารภาพความผิดกับคุณแม่มากกว่าคุณพ่อ เพราะลูกเชื่อใจว่า คุณแม่คือพื้นที่ปลอดภัยและพร้อมที่จะเข้าใจมากกว่าคุณพ่อนั่นเอง

#มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เพราะคุณแม่คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเห็นอกเห็นใจ การให้ความรักและการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ผลักไสหรือเมินเฉยในวันที่ทำตัวไม่น่ารัก ลูกชายที่ได้รับสิ่งเหล่านี้จากคุณแม่ตั้งแต่ยังเล็ก และต่อเนื่อง เมื่อเติบโตขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ชายที่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเช่นกัน

3. มี ‘วิชาชีวิต’ ที่แข็งแกร่ง

#เรียนรู้ไว Dr. Carlos Juan Carmona-Goyena ผู้เชี่ยวชาญด้านคู่รัก ครอบครัว และความสัมพันธ์จากมหาวิทยาลัยอินเตอร์อเมริกันแห่งเปอร์โตริโก ระบุว่า เด็กผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณแม่ มักเป็นเด็กเรียนดี มีทักษะการเขียนและการอ่านที่ดี เรียนรู้ได้เร็ว เป็นมิตรต่อเพื่อนร่วมห้อง เพราะควบคุมตัวเองได้ดีเมื่ออยู่ในห้องเรียน และเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น

#เป็นผู้ฟังที่ดี เด็กผู้ชายมักจะได้เรียนรู้การพูดจานุ่มนวล การเป็นผู้ฟังที่ดี และการตั้งคำถามเชิงบวกมาจากคุณแม่ เพราะคุณแม่มักจะถามหาและรับฟังเหตุผลของลูกก่อนตัดสินเสมอ

ด้วยวิธีการนี้ จะทำให้ลูกชายเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี และมีทัศนคติที่ดีต่อคนอื่นมากขึ้น

#ล้มแล้วลุกเป็น ลูกชายก็สามารถเรียนรู้บทเรียนชีวิตมากมายได้จากประสบการณ์ชีวิตคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความผิดหวัง ความล้มเหลว การสูญเสีย การมีวินัย การดูแลผู้อื่น ความผิดชอบ การยอมรับความจริง การแก้ไขและเริ่มต้นใหม่ เพราะประสบการณ์ของคุณแม่จะทำให้ลูกชายได้เรียนรู้ความอ่อนโยนแต่เข้มแข็งของผู้หญิง ลูกก็จะเติบโตเป็นคนที่มีจิตใจแข็งแกร่ง แต่อ่อนโยนเหมือนคุณแม่ได้เช่นกัน

4. พร้อมเป็นคู่ชีวิต คุณพ่อ และสามีที่ดี

#ว่าที่สามีที่ดี #ว่าที่คุณพ่อที่น่ารัก คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าการที่ลูกชายอ้อนและบอกรักคุณแม่วันละหลายๆ รอบ ชอบดูคุณแม่แต่งหน้าและทำผม รวมถึงการชื่นชมว่าคุณแม่สวย จะมีผลต่อความสนใจและรสนิยมทางเพศของลูก

ดังนั้น คุณแม่จึงควรปล่อยให้ลูกชายได้เห็น ได้พูด และชื่นชมคุณแม่ด้วยความจริงใจ เพราะทัศนคติการชื่นชมคนอื่น โดยเฉพาะการชื่นชมผู้หญิงที่ลูกชายมีต่อคุณแม่จะจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตคู่ และการปฏิบัติต่อภรรยาในอนาคตของลูกได้

นอกจากนี้การเปิดโอกาสให้ลูกชายช่วยคุณแม่ทำงานบ้าน ยังเป็นการปลูกฝังให้ลูกเรียนรู้ความเท่าเทียมระหว่างเพศ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีในการสร้างชีวิตครอบครัวของตัวเองได้

#เป็นผู้ชายที่จะอยู่เคียงข้างคุณแม่เสมอ ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Child Development ฉบับเดือนสิงหาคม 2554 ระบุว่า เด็กชายที่ได้รับความรักและการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขจากคุณแม่ จะเป็นแบบอย่างของความน่ารักและการปฏิบัตืตัวที่ดีต่อคนรักได้ ผลการศึกษายังระบุเพิ่มว่า ยิ่งลูกชายติดคุณแม่ในวัยเด็กมากเท่าไร โอกาสที่จะห่างเหินและเย็นชากับครอบครัวเมื่อเป็นวัยรุ่นก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น

— อ่านบทความ: ลูกติดแม่มากเกินไป! ทำไงดี?!

อ้างอิง
babygaga
baby-chick
momjunction