คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกชาย บ้างก็หนักใจเพราะลูกชายแสนจะซุกซน เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง และกล้าแสดงออกเสียจนต้องคอยร้องขอบอกให้หยุด และนั่งอยู่กับที่บ้างเถอะ
ในขณะที่อีกหลายครอบครัวก็หนักใจเพราะ ลูกชายไม่มีความมั่นใจ พูดน้อย และไม่กล้าแสดงออก จนคุณพ่อคุณแม่เริ่มกังวลว่าจะหากปล่อยให้ลูกเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง อาจทำให้เกิดปัญหาทางบุคลิกภาพ ทักษะการเข้าสังคม และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของลูกได้
ผู้เชี่ยวชาญและนักจิตวิทยากล่าวว่าพฤติกรรมของพ่อแม่มีผลต่ออารมณ์ ฮอร์โมน และพัฒนาการทางสมองของลูกอย่างมาก ดังนั้นเมื่อคุณพ่อคุณแม่พบปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรม บุคลิก และลักษณะนิสัยของลูก สิ่งที่ควรทำก็คือแก้ไขและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อส่งเสริมและเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเรียนรู้ไปพร้อมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่มีลูกชาย ท่าทีของคุณพ่อที่มีต่อลูก จะส่งผลต่อการสร้างบุคลิกภาพและลักษณะนิสัยของลูกชายได้เป็นอย่างดี ดังนั้น สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังรู้สึกว่า ลูกชายไม่มีความมั่นใจ ในตัวเองเท่าที่ควร ลองให้คุณพ่อนำ 5 เทคนิควิธีสร้างความมั่นใจให้ลูกชาย ไปปรับใช้กับเด็กๆ ดูนะคะ
1. อย่าเขินที่จะแสดงความรักกับลูก
คุณพ่อบางคนอาจจะไม่ชินและรู้สึกเขินอายที่จะต้องแสดงความรักกับลูกด้วยการโอบกอด หอมแก้ม หรือใช้การใช้ภาษากายต่างๆ กับลูก แต่ความจริงแล้ว ความรักจากคุณพ่อคุณแม่นี่แหละฃเป็นพื้นฐานสำคัญที่มีผลต่อความมั่นใจของลูกได้
งานวิจัยเด็กกล่าวว่ารอยยิ้มและการโอบกอดหรือลูบหัวอย่างอ่อนโยนของพ่อแม่ มีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของลูก ทำให้ระดับฮอร์โมนความเครียดลดลง และเพิ่มระดับฮอร์โมนแห่งความสุขของลูกให้เพิ่มขึ้น ช่วยส่งเสริมให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นตามไปด้วย
2. อย่าอายที่จะพูดชื่นชมลูก
คุณพ่ออาจคิดว่าเรื่องของการชื่นชมและให้กำลังใจลูก ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของคุณแม่ดีกว่า แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าลูกจะแพ้หรือชนะ สำเร็จ ผิดพลาด หรือล้มเหลว คุณพ่อก็ควรมีส่วนร่วมในการชื่นชมในความพยายามของลูกอย่างตรงไปตรงมา และชัดเจน เช่น เมื่อลูกชายเล่นฟุตบอลกับเพื่อน แทนที่คุณพ่อจะชื่นชมสั้นๆ ว่า ลูกเก่งมาก ลองเปลี่ยนเป็นการชื่นชมที่ให้รายละเอียดมากขึ้น เช่น ลูกเก่งมาก จังหวะการส่งบอลให้เพื่อน ลูกทำได้ดีมาก
เพราะการที่ลูกชายเห็นว่า คุณพ่อให้ความสำคัญและชื่นชมในความพยายามของเขา จะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
3. สอนให้ลูกยอมรับข้อดีข้อเสียของตัวเอง
นอกจากเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกแล้ว คุณพ่อควรทำตัวเป็นกระจกสะท้อนให้ลูกชายรู้จักข้อดีข้อเสียตัวเองมากขึ้น เช่น ส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬาที่ชอบ แต่สะท้อนให้ลูกเห็นว่าจุดอ่อนของลูกคือการมีร่างกายไม่แข็งแรงเท่าคนอื่น ดังนั้นลูกอาจจะต้องเลือกเล่นกีฬาที่ไม่ต้องใช้พละกำลังมากนัก หรือนอกจากฝึกซ้อมกีฬาแล้วลูกยังต้องพยายามพัฒนาร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้นไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ คุณพ่อควรทำให้ลูกเข้าใจว่า การมีจุดอ่อน หรือข้อด้อยกว่าคนอื่นไม่ใช่เรื่องเสียหาย คุณพ่อไม่ควรตำหนิ ต่อว่า หรือตอกย้ำให้ลูกรู้สึกว่าจุดอ่อนของตัวเองยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะพัฒนาหรือแก้ไขต่อไปได้
4. อย่าเบื่อที่ลูกชอบถาม
วัยเด็กเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น คุณพ่อควรปล่อยให้ลูกชายได้สงสัยและถามในสิ่งที่ลูกอยากรู้ไปเรื่อยๆ เพราะการช่างถามเป็นหนึ่งในสิ่งกระตุ้นความกล้าและความมั่นใจในตัวเองของลูก ทำให้ลูกกล้าแสดงออกและกล้าเรียนรู้มากขึ้นในอนาคต ดังนั้นคุณพ่ออย่าเบื่อหรือแสดงออกว่ารำคาญเวลาที่ลูกถามจุกจิกเลยนะคะ
5. พาลูกออกไปเจอเป้าหมายและความท้าทายใหม่ ๆ
สิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น คือการได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำจนสำเร็จ
Dr. Pickhardt นักจิตวิทยากล่าวว่า พ่อแม่สร้างความมั่นใจให้ลูกได้ด้วยการให้ลูกเริ่มรู้จักการรับผิดชอบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น การให้ลูกได้ลองฝึกขับจักรยานสองล้อด้วยตัวเอง ย หรือชวนลูกชายใช้อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ในบ้าน ชวนลูกชายประดิษฐ์ของเล่น หรือสร้างบ้านไม้เล็กๆ ด้วยกัน พอลูกได้มีผลงานที่ทำสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้ลูกได้เหมือนกันค่ะ
อ่านบทความ: 7 สาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นเด็กอ่อนแอและไม่มั่นใจในตัวเอง
COMMENTS ARE OFF THIS POST