READING

ลูกพลังงานน้อย: 4 เคล็ดลับปลุกพลังเด็ก Energy ต่ำใ...

ลูกพลังงานน้อย: 4 เคล็ดลับปลุกพลังเด็ก Energy ต่ำให้สนุกกับการเรียนรู้

ลูกพลังงานน้อย

คุณพ่อคุณแม่คงพอจะเข้าใจดีว่า โดยปกติแล้วเด็กวัยเตาะแตะมักจะมีพลังงานล้นหลาม สามารถวิ่งเล่นได้ทั้งวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะวัยนี้เป็นวัยแห่งการพัฒนา ร่างกายจึงสามารถอดทนต่อความเหนื่อยล้าได้มาก เพื่อเปิดรับการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่

แต่ก็มีเด็กๆ บางครอบครัวที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่คิดว่า ลูกพลังงานน้อย ไม่ค่อยชอบเล่นสนุก ไม่ชอบออกกำลังกาย และไม่ค่อยอดทนต่อความเหนื่อยล้า

ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมและจิตวิทยาเด็กเผยว่า การที่ ลูกพลังงานน้อย หรือเป็นเด็กเอเนอร์จีต่ำ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางกายภาพ เช่น ร่างกายอ่อนแอจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีอาการป่วย และเหตุผลทางด้านจิตใจ เช่น กลัวการถูกตัดสินจากพ่อแม่หรือเพื่อนๆ ไม่อยากทำอะไรเพราะกลัวความผิดพลาด ทำให้ไม่ตื่นเต้นที่จะลองทำสิ่งใหม่ จึงมักแสดงอาการง่วงซึม ไม่ร่าเริง เหมือนเด็กที่ไม่มีพลังงานนั่นเอง

ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ละเลยอาการเซื่องซึม เหนื่อยง่าย คล้ายคนไม่มีพลังงานของลูก โดยไม่คิดหาวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ก็อาจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กพลังงานต่ำ ไม่กระฉับกระเฉง และขาดความกระตือรือร้นไปอย่างถาวร

การกระตุ้นให้ลูกมีพลังงานและความพร้อมให้ลูกเรียนรู้สิ่งใหม่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราอยากชวนคุณพ่อคุณแม่เรียนรู้เคล็ดลับการปลุกพลังแห่งการเล่นและการเรียนรู้ของลูกไปพร้อมกันค่ะ

1. พาลูกเข้านอนไวขึ้น

ลูกพลังงานน้อย

American Academy of Pediatrics สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (AAP) เผยว่า การนอนหลับที่เพียงพอสามารถพัฒนาศักยภาพทางการเรียนรู้ และช่วยให้เด็กมีอารมณ์ที่แจ่มใสพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น

คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ และทำอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย แม้ช่วงแรกลูกอาจงอแง ยังไม่อยากเข้านอนเพราะอยากใช้เวลากับคุณพ่อคุณแม่มากกว่า แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำให้ลูกรอคอยช่วงเวลาก่อนอนด้วยการเล่านิทานให้ลูกฟัง หรือชวนลูกเล่นยืดเหยียดร่างกายเบาๆ เพื่อช่วยให้ลูกสบายตัว และนอนหลับได้ง่ายขึ้น เมื่อผ่านไปสักระยะ ลูกจะสามารถปรับตัวกับการเข้านอนเป็นเวลาได้เอง

2. ชวนลูกออกกำลังเบาๆ ในเช้าวันหยุด

ลูกพลังงานน้อย

การออกกำลังกายสามารถกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ลูกรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและลดความเครียดได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาเวลาชวนลูกออกกำลังกาย เช่น พาลูกออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ หรือชวนลูกเต้นตามจังหวะอยู่ที่บ้าน

ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกเวลาการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น ตอนเช้าของวันหยุด และควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานในช่วงเวลาเย็นหลังเลิกเรียน เพราะลูกอาจรู้สึกเหนื่อยจากการใช้พลังงานทำกิจกรรมต่างๆ ที่โรงเรียนมาทั้งวัน และสำคัญที่สุดคือคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรบังคับ กดดัน หรือฝืนให้ลูกออกกำลังกายอย่างหักโหมเกินไปด้วยค่ะ

3. เตรียมอาหารที่มีประโยชน์

ลูกพลังงานน้อย

 อาหารจำพวกวิตามิน ที่มีมากในผักและผลไม้จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น และเป็นหนึ่งในตัวช่วยส่งเสริมพลังงานให้ลูกได้เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่ผัดและผลไม้ ไม่ใช่อาหารที่เด็กส่วนมากชื่นชอบ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจต้องใช้การโน้มน้าว หรือใจแข็งไม่ยอมให้ลูกเลือกกินแต่อาหารที่ชอบ โดยเฉพาะอาหารประเภท Junk food ที่ถูกใจเด็กๆ เพราะนอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำแล้ว ยังทำให้ลูกไม่กระปรี้กระเปร่า เซื่องซึม และเกิดภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐานได้อีกด้วย

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือ ปรับเปลี่ยนเมนูผักให้น่ากินและรสชาติถูกใจลูกมากขึ้น เช่น นักเก็ตบล็อกโคลี่ชีส แคร์รอตสมูทตี้ คุกกี้ธัญพืช หรือลองปรับความสมดุลของอาหารในแต่ละมื้อ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยไม่ฝืนใจลูกเกินไปก็ยิ่งดีเลยค่ะ

4. ส่งเสริม Self-esteem ในตัวลูก

ลูกพลังงานน้อย

นอกจากเหตุปัจจัยทางกายภาพแล้ว ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากสภาพจิตใจ อารมณ์ และความคิดเช่น ลูกไม่อยากเล่นสนุกหรือทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ เพราะกังวลในความสามารถของตัวเอง กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ถูกคุณพ่อคุณแม่ตำหนิ หรือเป็นจุดอ่อนในสายตาเพื่อนๆ

หากต้องการเพิ่มพลังงานให้ลูก คุณพ่อคุณแม่จึงควรสอนและทำให้ลูกเป็นคนที่เห็นคุณค่าของตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กลัวความผิดหวัง แม้การเล่นหรือทำกิจกรรมจะได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่การฝึกฝนเเละพัฒนาตัวเองจะช่วยให้ลูกเรียนรู้และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้

อ้างอิง
Harvard Health
BIPRI
fit sandford

PITTAYARAT CH.

พิทยารัตน์ ชูพล: เด็กผู้หญิงผู้รับบทบาทลูกสาวคนเล็ก ที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักเเละความใส่ใจจากคุณแม่ จนมีความใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมอบความรักอันยิ่งใหญ่แบบนี้ให้ใครสักคนบ้าง

COMMENTS ARE OFF THIS POST