คุณพ่อคุณแม่รุ่นใหม่รู้ดีถึงประโยชน์ของการให้ ลูกเรียนว่ายน้ำ ตั้งแต่ยังเล็ก เพราะการว่ายน้ำจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ช่วยดูแลสุขภาพหัวใจ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนในเด็ก และยังเป็นหนึ่งในทักษะชีวิตที่สำคัญและจำเป็นต่อลูกในอนาคต

จากข้อมูลสถาบันสุขภาพเด็กและการพัฒนามนุษย์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIHCD) ระบุว่า เด็กที่เริ่มเรียนว่ายน้ำตั้งแต่ช่วงอายุ 1–4 ปี จะช่วยลดความเสี่ยงและอันตรายที่เกิดจากการจมน้ำได้ถึง 88%

ปัจจุบัน มีคุณพ่อคุณแม่ที่เริ่มให้ลูกเรียนว่ายน้ำตั้งแต่วัยทารกและเรียนต่อเนื่องมาเรื่อยๆ แต่ก็มีคุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวที่เพิ่งเริ่มให้ ลูกเรียนว่ายน้ำ ในช่วงวัยอนุบาล แล้วคิดว่าตัดสินใจช้าไปหรือเปล่า ทำไมลูกถึงกลัวและไม่ชอบว่ายน้ำเหมือนเด็กคนอื่น และถ้าเป็นอย่างนั้น หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์จริง ลูกจะเอาตัวรอดได้จริงเหรอ…

เพื่อคลายความกังวลและข้อข้องใจของคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับการให้ลูกเรียนว่ายน้ำในวัยอนุบาล จำเป็นแค่ไหน เรียนอย่างไร และถือว่าช้าเกินไปหรือเปล่า… เรามีคำตอบค่ะ

1. ยังไม่ช้าเกินไปที่จะให้ลูกวัยอนุบาลเรียนว่ายน้ำ

#เริ่มต้นที่หนึ่งขวบ สมาคมกุมารแพทย์แห่งอเมริกา แนะนำให้เรียนว่ายน้ำเป็นชั้นป้องกันการจมน้ำที่สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ

#เริ่มใหม่วัยอนุบาลก็ยังไม่สาย แต่จากการศึกษาเกี่ยวกับความพร้อมของเด็กในการเรียนรู้การว่ายน้ำของทีมวิจัยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ไม่ว่าเด็กจะเริ่มเรียนว่ายน้ำเมื่ออายุ 2 ขวบ 3 ขวบ หรือ 4 ขวบ เด็กๆ ก็จะเรียนรู้การว่ายน้ำได้ดีในช่วงอายุเฉลี่ยประมาณ 5 ขวบครึ่ง ดังนั้น การให้ลูกเริ่มเรียนว่ายน้ำตอน 3–4 ขวบ จึงไม่ถือว่าช้าเกินไป

2. ลูกสามารถเรียนว่ายน้ำกับครูสอนว่ายน้ำแบบตัวต่อตัว

สำหรับเด็กวัยอนุบาล หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกไม่กลัวที่จะลงเล่นน้ำในสระด้วยตัวเอง และสามารถใช้อุปกรณ์ช่วยผยุงตัวในน้ำเองได้ นั่นคือสัญญาณที่บอกว่าลูกมีความพร้อมให้คุณพ่อคุณแม่พาไปเรียนว่ายน้ำกับครูสอนว่ายน้ำ เพื่อฝึกฝนทักษะการว่ายน้ำที่ถูกต้องได้โดยที่ไม่ต้องมีคุณพ่อคุณแม่ลงไปอยู่ด้วยกันในสระ

เพราะเด็กวัยนี้มีแนวโน้มที่จะเชื่อฟังครูสอนว่ายน้ำได้มากกว่าฟังคุณพ่อคุณแม่

3. การเตรียมตัวลูกก่อนเรียนว่ายน้ำ

James Collins รองประธานหลักสูตร Science of Swimplay ที่ Goldfish Swim School โรงเรียนสอนว่ายน้ำสำหรับเด็กอายุ 4 เดือนถึง 12 ปี ให้คำแนะนำไว้ว่า สิ่งสำคัญสำหรับการเรียนว่ายน้ำก็คือ ความพร้อมทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ การเตรียมตัวเพื่อให้รู้ล่วงหน้าก่อน ก็จะทำให้เด็กๆ คลายความกังวลและสนใจที่จะเรียนรู้ได้มากขึ้น

#เล่นน้ำให้สนุกกับครอบครัว คุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวสามารถลงสระว่ายน้ำกับครอบครัวก่อนเรียนว่ายน้ำจริง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในน้ำ รวมไปถึงใช้ช่วงเวลานี้อธิบายความสำคัญของการเรียนว่ายน้ำไปด้วย

#ให้ลูกได้ลองสิ่งใหม่ แนะนำให้สวมแว่นตาว่ายน้ำ หากลูกรู้สึกไม่สบายใบหน้าหรือดวงตา ลองปรับสายแว่นให้เหมาะสม และเริ่มใช้แว่นตาว่ายน้ำตอนที่เล่นน้ำในอ่างอาบน้ำหรือตอนอาบน้ำ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและช่วยสร้างประสบการณ์เชิงบวกเมื่อเรียนว่ายน้ำได้

#พาลูกไปดูสถานที่จริง ควรพาลูกไปดูสระว่ายน้ำที่จะต้องใช้เรียน หรือหากเป็นไปได้จะขอพบครูสอนว่ายน้ำก่อนวันเรียนเพื่อทำความรู้จักและสร้างความสบายใจให้ลูกตั้งแต่เนิ่นๆ

#อย่าลืมเติมพลังให้ร่างกาย คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกกินข้าวมื้อหลัก 2–3 ชั่วโมงก่อนเรียนว่ายน้ำ แต่หากเวลาเรียนว่ายน้ำคาบเกี่ยวระหว่างมื้อ แนะนำให้กินของว่างเบาๆ ที่ช่วยรักษาระดับพลังงาน ย่อยง่ายและดูดซึมได้เร็ว เช่นขนมปังทาเนยสักแผ่น กล้วยหอม หรือน้ำผลไม้ ก็ได้

4. บทเรียนว่ายน้ำ

ยกตัวอย่างหลักสูตรการเรียนว่ายน้ำสำหรับเด็กอายุ 1–12 ปีจาก Bear Paddle Swim School โรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็กในเมืองชิกาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้อธิบายหลักสูตรการเรียนว่ายน้ำเบื้องต้นไว้ดั้งนี้

#สร้างความคุ้นเคยกับน้ำตอนหนึ่งขวบ การเรียนว่ายน้ำของเด็กวัยนี้จะต้องลงสระและเรียนไปพร้อมกับคุณแม่ สิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้ก็คือวิธีกลั้นหายใจและไม่กลืนน้ำเข้าปาก ด้วยการดำน้ำช่วงเวลาสั้นๆ นอกจากนั้น ยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการทรงตัวและเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายอีกด้วย

#เรียนรู้การกลั้นหายใจและลอยตัวในน้ำตื้นตอนสองขวบ เมื่อลูกอายุ 2–3 ขวบ จะได้เรียนรู้และฝึกทักษะการว่ายน้ำขั้นพื้นฐาน ซึ่งหมายถึงการกลั้นหายใจ ลอยตัว และฝึกตีขาในน้ำระยะทางสั้นๆ โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยดูแลร่วมกับคุณครูในสระน้ำด้วย

#เริ่มเรียนการว่ายน้ำท่าพื้นฐานตอนสี่ขวบ เมื่อลูกอายุ 4–8 ปี จะเริ่มมีทักษะด้านเคลื่อนไหวที่ดี จนสามารถเรียนว่ายน้ำในท่ามาตรฐานเบื้องต้น เช่น ท่าฟรีสไตล์ และท่ากบได้

และเมื่อฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เด็กๆ สามารถว่ายน้ำได้ประมาณ 50-100 หลาหรือไปกลับประมาณ 90 เมตร

#ว่ายน้ำระยะไกลเตรียมตัวเป็นนักว่ายน้ำตอนเก้าขวบ สำหรับเด็กโต หรือช่วงวัย 9–12 ปี ที่เรียนว่ายน้ำมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้คือการเตรียมตัวเรียนรู้เทคนิคการว่ายน้ำ การดำน้ำ และการว่ายน้ำใต้น้ำขั้นสูง ในระยะทางมากกว่า 100 เมตร รวมถึงเรียนรู้การกระโดดน้ำ พลิกตัวกลับ และเรียนท่าว่ายน้ำที่ยากขึ้น เช่น ท่ากรรเชียง และท่าผีเสื้อ ที่ต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกาย พร้อมความอดทนที่มากขึ้น

5. ลูกไม่ยอมเรียนว่ายน้ำต่อ ทำไงดี?

เมื่อลูกเรียนว่ายน้ำไปสักระยะ แล้วเริ่มมีอาการไม่อยากเรียนต่อ อาจเป็นเพราะลูกรู้สึกไม่สนุก หรือมีกิจกรรมอื่นที่อยากทำมากกว่า แต่คุณพ่อคุณแม่ก็อย่างเพิ่งถอดใจนะคะ ลองโน้มน้าวให้ลูกเห็นประโยชน์ของการว่ายน้ำว่านอกจากเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ต้องทนร้อนแล้ว การว่ายน้ำยังช่วยให้ลูกเอาตัวรอดหากเกิดอุบัติเหตุทางน้ำได้

#ลองให้ลูกเป็นผู้ชม หากลูกเริ่มไม่อยากเรียนว่ายน้ำ ลองเปลี่ยนกิจกรรมเป็นให้ลูกนั่งผู้ชมอยู่มองเพื่อนๆ สนุกกับการเรียนว่ายน้ำ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกอีกครั้ง

#ชวนเพื่อนมาเล่นเรียนว่ายน้ำด้วยกัน หากลูกไม่มีเพื่อนเรียนว่ายน้ำ คุณพ่อคุณแม่อาจลองชวนครอบครัวเพื่อนสนิทของลูกให้มาเรียนว่ายน้ำด้วยกัน ก็จะทำให้ลูกสนุกและอยากเรียนว่ายน้ำมากขึ้น

#สร้างกิจวัตรใหม่ การทำซ้ำเป็นส่วนสำคัญในการเรียนรู้ทักษะใหม่ คุณพ่อคุณแม่ใช้วิธีลงตารางกิจวัตรประจำสัปดาห์ อาจจะเรียนในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ เพื่อให้ลูกรู้ว่า การว่ายน้ำเป็นหนึ่งในภารกิจที่ต้องทำให้ลุล่วงไปได้ด้วยตัวเอง

#อย่าฝืน เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทำทุกอย่างเพื่อส่งเสริมให้ลูกสนุกกับการว่ายน้ำแล้ว และดูเหมือนว่าลูกยังคงยืนยันคำเดิม ทางที่ดีที่สุดคือ ยอมรับสิ่งที่ลูกเลือกในตอนนี้ และลองพูดคุยกับลูกอีกครั้ง เมื่อลูกพร้อมหรือในครบรอบวันเกิดปีถัดไป หลีกเลี่ยงการบังคับ เพราะจะยิ่งทำให้ลูกมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการว่ายน้ำต่อไป

อ้างอิง
gwrymca
bearpaddle
healthychildren
verywellfamily
swimming