1. เติมคอลลาเจนกันหน่อย

ตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าคอลลาเจน ซึ่งพบได้ในกระดูกอ่อน เอ็น และเนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อหมู จนถึงเนื้อปลา มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยบำรุงผิวหนังให้สดใสเต่งตึง ลดอาการเจ็บข้อต่อ และการเสื่อมสภาพของกระดูก และคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ปีนี้แหละที่มันจะถูกสกัด แล้วเติมลงในเมนูอาหารอื่นๆ มากขึ้น

2. กินอาหารที่ช่วยดีท็อกซ์เป็นประจำ

ฟาสต์ฟู้ดหลบไป เพราะเฮลที้คือเทรนด์ที่มาแรงสุดในยุคนี้ การล้างลำไส้กันทุกวันหลังจากตื่นนอน ด้วยการดื่มน้ำพืชผักผลไม้สกัดเข้มข้นจะได้รับความนิยมมากขึ้นแน่นอน

3. เลี้ยงเอง ปลูกเอง ปรุงเอง ขายเอง

กับข้าวบ้านๆ ที่สด ใหม่ ไว้ใจได้ว่าปลอดสารพิษจะยิ่งมาแรงกว่าปีที่แล้ว ที่สำคัญคือปีนี้ จะมีอีกหลายครอบครัวที่หันมาปลูกผัก เพาะเห็ดกินเอง ในขณะที่สตรอว์เบอร์รี่ และเมล่อนก็เพาะพันธุ์กันบนดาดฟ้าได้แล้ว ดังนั้น เรื่องพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ จะไม่ใช่แค่สโลแกนในอดีตอีกต่อไป

4. สมุนไพรโบราณจะกลับมาในรูปแบบยาโมเดิร์น

ยาสังเคราะห์หลบไป เพราะสมุนไพรดั้งเดิมที่มีในท้องถิ่นจะเข้ามามีบทบาทในการรักษา ไปจนถึง ‘อาหารเป็นยา’ ก็จะยิ่งกลับมาให้เราได้เห็น ได้กินกัน

5. พืชผักจะแทรกซึมในอาหารทุกชนิด

บะหมี่ผัก ขนมปังผัก บร็อกโคลีอบกรอบ สับปะรดอบแห้ง อาจเห็นกันมานานแล้ว แต่ปีนี้ผักป่นผง แคปซูลผักจะมีให้เห็นในตลาด ให้เลือกซื้อเลือกหามากขึ้น ลูกๆ บ้านไหนไม่กินผัก อาจพบทางรอดแล้ว

6. ภาชนะใส่อาหารกินได้

ภาชนะกินได้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้ย่อยสลายง่าย หรือเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่มันจะมีประโยชน์ต่อร่างกายเราด้วย ที่สำคัญคือเลือกรสชาติและสารอาหารได้ตามต้องการ เหมือนเลือกซื้อของสดนี่ล่ะ

7. ปีแห่งชัยชนะของชา

กาแฟหรือจะสู้ชา เพราะ 2018 นี้ ชาจะไม่อยู่แค่ในรูปแบบของเครื่องดื่ม หรือของหวานธรรมดาอีกต่อไป แต่อาจจะได้พบม็อกเทลชาดอกไม้ต่างๆ ทั้งกุหลาบ ลาเวนเดอร์ จะออกมาให้เลือกสรร และจะมีการพัฒนารสชาติไปอีกเรื่อยๆ

8. โปรตีนจากผักจะตีตลาด

ผักจะไม่ได้ฮอตเฉพาะเหล่าวีแกนหรือมังสวิรัติอีกต่อไป เพราะเบอร์เกอร์บางร้าน เริ่มคิดค้นเนื้อสัตว์ผสมโปรตีนจากผักแล้ว แม้จะยังไม่ขายอย่างเป็นทางการ แต่คนทั่วไปก็จะเริ่มหันมาสนใจโปรตีนที่มาจากผักกันมากขึ้น เช่น เต้าหู้ เทมเป้ ควินัว หรือกินผักที่อุดมไปด้วยโปรตีนอย่างบร็อกโคลีทดแทนเนื้อสัตว์

9. กินน้ำส้มสายชู

มีงานวิจัยว่าการกินน้ำส้มสายชูก่อนนอน จะช่วยรักษาระดับปริมาณน้ำตาลในเลือด ซึ่งดีกว่าการกินโซดาที่มีน้ำตาล หรือน้ำผลไม้บางชนิดที่อาจหวานเกินไป

อ้างอิง
Global Food Forums
Amp Timeinc Net