READING

5 ไอเดียจากผู้ใหญ่เข้าใจเด็ก ถ้าโรงเรียนไม่จัดงานว...

5 ไอเดียจากผู้ใหญ่เข้าใจเด็ก ถ้าโรงเรียนไม่จัดงานวันแม่อย่างที่ผ่านมา จะทำอะไรกันดี

บรรยากาศงานวันแม่ที่โรงเรียน มีคุณแม่มาหน้าหลายตานั่งเก้าอี้เรียงเป็นแถวยาวเต็มห้องประชุม เสียงเพลง อิ่มอุ่น และ ค่าน้ำนม เปิดคลอวนไปวนมา ลูกๆ เดินเรียงแถวเข้ามานั่งกับพื้นและก้มกราบคุณแม่ของตัวเอง

มองเผินๆ อาจจะดูภาพที่อบอวลด้วยความสุขและซาบซึ้งใจ ชวนให้ตื้นตันกันทั้งแม่และลูก

ในทางกลับกัน ขณะที่แม่ลูกหลายคู่กำลังอิ่มเอม มุมหนึ่งในห้องประชุมย่อมมีเด็กที่คุณแม่ไม่สามารถมาร่วมงานวันแม่ที่โรงเรียนได้ แล้วช่วงเวลาที่มีความสุขของเด็กหลายคน ก็ทำให้เด็กบางคนต้องรู้สึกเศร้าเสียใจที่ตัวเองไม่ได้มีช่วงเวลาอย่างนั้นกับคุณแม่

เพราะงานวันแม่ในโรงเรียนอาจจะไม่ได้สวยงามสำหรับเด็กทุกคน แล้วถ้าโรงเรียนอยากมีกิจกรรมดีๆ ให้กับเด็กๆ ล่ะ…

ลองอ่าน 5 ไอเดียน่าสนใจจากผู้ใหญ่ที่ลงความเห็นว่า กิจกรรมวันแม่ จัดแบบอื่นก็ได้

1. “เราชวนให้เด็กคิดว่าจะทำอะไรให้แม่มีความสุขได้บ้างในกิจกรรม ‘แม่ของฉันเป็นผู้วิเศษ’ ตลอดเดือนสิงหาคม”

ครูก้า—กรองทอง บุญประคอง
(ครูและผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กและผู้ก่อตั้งโรงเรียนจิตตเมตต์ปฐมวัย)

motherday_1

ก่อนอื่นเราคงต้องคุยวัตถุประสงค์ในการจัดงานวันแม่กันก่อนว่าจัดเพื่ออะไร ครูคิดว่าความกตัญญูน่าจะเป็นเป้าหมายหลักที่โรงเรียนส่วนใหญ่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ ถ้าเรายึดความกตัญญูต่อแม่มาเป็นหลักในการจัดรูปแบบกิจกรรมก็สามารถทำได้มากมายไปพร้อมๆ กับการบ่มเพาะให้เด็กเรียนรู้จากการเป็นผู้รับไปเป็นผู้ให้บ้าง หลังจากที่แม่เป็นผู้ให้มาโดยตลอด เราจะสอนให้เด็กมองเห็นคุณค่าและให้ความเคารพนับถือแม่ด้วยใจจริง พอเขาทำแบบนี้กับแม่ได้ เขาจะรู้จักเคารพและเห็นคุณค่าในผู้อื่น

ความรักและความเอาใจใส่ของแม่ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ไม่ยากเลย แต่เราชอบให้เด็กเรียนรู้เรื่องไกลตัวที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับชีวิตจริงของเด็กสักเท่าไร เช่น เด็กหลายคนอาจจะรู้จักไดโนเสาร์มากกว่ารู้จักแม่ของเขา รู้ว่าไดโนเสาร์แต่ละชนิดชอบกินอะไร ชอบอยู่ที่ไหน มีความสามารถพิเศษอะไร มีนิสัยอย่างไร แต่กลับไม่รู้ว่าคนใกล้ตัวที่สุดในชีวิตอย่างแม่ ชอบกินอะไร ชอบไปเที่ยวที่ไหน มีนิสัยใจคออย่างไร

ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ ทางโรงเรียนจัดกิจกรรม ‘แม่ของฉันเป็นผู้วิเศษ’ เป็นกิจกรรมให้เด็กเรียนรู้จักเชื่อมโยงตัวเองไปสู่การรู้จักแม่ของตนเอง เช่น ถ้ามีเวลาว่างตัวเรามีความสุขกับการได้ทำอะไร แล้วแม่ของเราเวลาเขาว่าง เขาจะมีความสุขกับการทำอะไรบ้าง หรือคุณครูตั้งคำถามชวนให้เด็กคิดว่า แม่ทำอะไรให้หนูมีความสุข และหนูทำอะไรให้แม่มีความสุข ก็จะมีคำตอบที่น่ารักของเด็กๆ เช่น สิ่งที่แม่ทำให้เขามีความสุข คือแม่กอดตอนนอน สิ่งที่เขาทำให้แม่มีความสุข คือกล่อมแม่ เกาหัวแม่ ให้ตอนนอน คำตอบของเด็กสอนผู้ใหญ่อย่างเราได้เรียนรู้ว่าความสุขของเด็กเป็นเรื่องง่ายๆใกล้ตัว ไม่ต้องซื้อต้องหาที่ไหนเลย

  และยังให้เด็กได้เรียนรู้ความรักที่คุณแม่เคยได้รับจากคุณยาย ทางโรงเรียนจะรบกวนให้คุณแม่เขียนบรรยายบอกเล่าเรื่องราวความรักระหว่างคุณแม่กับคุณยายให้เด็กๆ ได้รับรู้ เพื่อนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน จะช่วยทำให้พวกเขาเห็นว่าความรักมีการแสดงออกหลากหลายวิธี และแต่ละครอบครัวไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตและแสดงความรักออกเหมือนกัน

เหตุผลที่เราให้เด็กชวนคิดว่าจะทำอะไรให้แม่มีความสุขได้บ้างในกิจกรรมแม่ของฉันเป็นผู้วิเศษ ตลอดเดือนสิงหาคม คือวิธีการเรียนเพื่อเป็นผู้ให้หรือรู้จักกตัญญู รู้คุณคน ครูพบว่ามีแม่หลายคนที่เพิ่งมีโอกาสเป็นผู้รับจากการที่ลูกล้างเท้า นวดเท้า กราบเท้า แล้วทำให้แม่คิดอยากเป็นผู้ให้อีกครั้ง โดยนำไปปฏิบัติกับคุณยาย

2. “ควรเป็นกิจกรรมพิเศษที่ทำให้เด็กเห็นความสำคัญของการมีใครสักคนที่รักและดูแลเขาและเขารักใครสักคนและก็ได้ทำอะไรดีๆ เพื่อตอบแทนคนรอบข้าง”

คุณเม—เมริษา ยอดมณฑป (นักจิตวิทยาเจ้าของเพจตามใจนักจิตวิทยา)

motherday_2

เราต้องนิยามวันแม่ก่อนว่ามีไว้เพื่ออะไร หนึ่ง เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระพันปีหลวง วันนี้จึงควรเป็นวันที่เราตระหนักถึงสิ่งดีๆ ที่พระองค์ท่านทำเพิ่งปวงชนชาวไทย สอง เป็นวันที่คำว่าแม่ไม่ควรระบุไว้เฉพาะแค่เพียงคุณแม่ที่ให้กำเนิดเพียงอย่างเดียว แต่ควรหมายรวมถึงผู้ที่เลี้ยงดูให้เด็กเติบโตมาด้วย เพราะฉะนั้นคำว่าวันแม่น่าจะหมายถึงวันที่ทำให้เด็กๆ ได้นึกถึงคนที่เขารักและรักเขาด้วย

เพราะเด็กบางคนอาจจะไม่มีคุณแม่ การจัดกิจกรรมที่ระบุว่าต้องเป็นคุณแม่ อาจทำให้เด็กที่ไม่มีเกิดปมในใจได้  งานที่ดีไม่ควรสร้างให้เด็กคนใดเกิดความแตกต่างจากเพื่อนคนอื่น และไม่ควรทำให้เด็กคนไหนเกิดบาดแผลทางใจ โดยทางโรงเรียนสามารถเปิดโอกาสให้เด็กๆ เลือกด้วยตัวเองว่า อยากแสดงความรักแบบไหน เด็กบางคนอาจจะอยากกลับไปกอด อยากเขียนจดหมาย อยากประดิษฐ์ของ อยากวาดภาพ อยากทำสิ่งดีๆ มอบให้ ก็ได้เช่นกัน เพราะบางครั้งผู้ใหญ่เข้าไปกำหนดแนวทางในการแสดงความรัก เด็กบางคนอาจไม่พร้อมที่จะทำอย่างนั้น

เด็กๆ ควรทำกิจกรรมร่วมกันที่โรงเรียนไม่มีพ่อแม่หรือผู้ใหญ่เข้ามาร่วมงาน เมื่อเลิกเรียนค่อยกลับไปแสดงความรักให้พ่อแม่ หรือ ผู้ใหญ่ที่ดูแลตนเองที่บ้าน หรือ ทางโรงเรียนสามารถกำหนดให้วันแม่เป็นวันที่เด็กๆ ได้มาทำอะไรดีๆ ร่วมกัน ก็มีทางเลือกอีกหลายทาง

เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราไม่ควรจัดงานใดที่จะสร้างปมทางใจให้กับเด็กคนไหน เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า ปมนั้นจะอยู่ติดตรึงในใจเขาไปนานแค่ไหน และได้สร้างบาดแผลอะไรภายในใจเขาบ้าง เด็กทุกคนล้วนต้องการความรัก การมองเห็นคุณค่า และเวลาจากเรา

3. “วันฟรีเดย์ให้แม่ลูกได้ไปทำอะไรตามใจชอบด้วยกันสองคน ”

แม่แนล—ชนานาฎ ทองมณี (ฟรีแลนซ์)

motherday_3

ถ้าไม่จัดกิจกรรมวันแม่ในวันแม่ ลูกต้องไม่เอาพวงมาลัยไหว้แม่ วันนั้นก็น่าจะทำกิจกรรมให้แม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน อาจจะเป็นวันฟรีเดย์ให้แม่ลูกได้ไปทำอะไรตามใจชอบด้วยกันสองคน

4. “อยากให้โรงเรียนพาไปบ้านเด็กกำพร้าหรือบ้านคนชราที่ถูกลูกหลานทอดทิ้ง คนที่เด็กที่เขามีทั้งพ่อมีแม่อยู่ด้วย พอไปเจอคนที่เขาไม่มีพ่อไม่มีแม่ เขาจะได้รู้สึก appreciate กับสิ่งที่เขามีอยู่”

แม่เคท—ลัสกร ทิมสุวรรณ (เจ้าของเพจมนุษย์ลูก)

motherday_4

บ้านเคทไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องงานวันแม่ในโรงเรียน เราเห็นใจเด็กหลายคนที่ไม่มีแม่มาร่วมงาน เรารู้สึกว่ากิจกรรมควรเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์แล้วก็แฮปปี้กับหลายคน ถ้าจำเป็นต้องจัดงานวันแม่จริงๆ เคทอยากให้โรงเรียนพาไปบ้านเด็กกำพร้าหรือบ้านคนชราที่ถูกลูกหลานทอดทิ้ง คนที่เด็กที่เขามีทั้งพ่อมีแม่อยู่ด้วย พอไปเจอคนที่เขาไม่มีพ่อไม่มีแม่ เขาจะได้รู้สึก appreciate กับสิ่งที่เขามีอยู่ และเรารู้สึกว่ากิจกรรมแบบนี้ ทำให้เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ก็รู้สึกว่าวันนี้เป็นพิเศษสำหรับเขาเหมือนกัน

ถ้าไปบ้านพักชรา จะช่วยทำให้ผู้สูงวัยรู้สึกว่าดีใจที่มีคนมาให้ความสำคัญ ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกหลานเขา แต่ก็ทำให้วันแม่ปีนี้พิเศษมากกว่าทุกปี คนเฒ่าคนแก่น่าจะรู้สึกดี และยังเป็นการสอนเด็กทางอ้อมว่าถ้าพ่อแม่เขาแก่ตัวลง เขาจะไม่ให้พ่อแม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งเด็กแลผู้สูงวัย ต่างคนต่างให้คุณค่าซึ่งกันและกัน เรารู้สึกว่าอย่างนี้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์มากกว่า

5. “อยากให้โรงเรียนจัดกิจกรรมปลูกฝังให้เด็กรักคนที่เขารักเราให้มากที่สุดและอย่าไปรักคนที่เรารักมากจนเกินไป ผมไม่อยากให้โฟกัสที่พ่อแม่อย่างเดียว”

พ่อต่อ—รุ่งโรจน์ สุวรรณธาดา (เจ้าของเพจ TOR Rungrojn)

motherday_5

ผมอยากให้โรงเรียนจัดกิจกรรมปลูกฝังให้เด็กรักคนที่เขารักเราให้มากที่สุด และอย่าไปรักคนที่เรารักมากจนเกินไป ผมไม่อยากให้โฟกัสที่พ่อแม่อย่างเดียว เพราะบางคนอาจจะอยู่กับลุงป้าน้าอา และต่อไปเด็กๆ ต้องเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นทุกคน วัยรุ่นจะรู้สึกว่าเพื่อนรักเราที่สุด แฟนรักเราที่สุด เมื่อไรที่คิดแบบนี้และลืมความรักจากคนที่รักเรามากที่สุดไป เวลาเสียใจจากเพื่อน จากแฟนคนที่ยังอยู่กับเรา คือคนที่รักเรา

สำหรับผมการจัดงานวันแม่ในขณะที่เด็กบางคนไม่มีแม่ แล้วต้องไปกราบคุณครูแทนหรือไปกราบแม่เพื่อน มันน่าเศร้ามาก

ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย จนมีลูกของตัวเองและมีแม่ที่ผมต้องคอยดูแล  ในมุมมองของคนเป็นลูก ถามว่าวันแม่สำคัญมากไหม มันสำคัญมากนะ ถ้าสมมติ 365 วัน มีแค่วันเดียวที่เป็นวันแม่ แล้วอีก 364 วันคือวันอะไร ผมก็เลยไม่อยากระบุเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นวันที่ 12 สิงหาคม เท่านั้น แต่วันไหนที่ผมพร้อมและสะดวกเมื่อไร ผมจะพาไปแม่และครอบครัวไปเที่ยว สำหรับผมวันทุกวันมันเป็นวันของแม่ได้

 

 

สัมภาษณ์วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2562

Pitchaya T.

ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเป็นของขวัญจากธรรมชาติ ที่ช่วยยืนยันว่ามนุษย์คนนี้คือเด็ก :)

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST