เคยไหม… เวลาลูกร้องไห้งอแง ไม่มีเหตุผล และไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น จนคุณแม่เองก็ทนไม่ไหว ขาดสติ และปรี๊ดแตกใส่ลูกไปในที่สุด แล้วคุณก็ต้องมานั่งเสียใจกับการกระทำของตัวเอง
เด็กคือช่วงวัยที่ยังไม่รู้ประสีประสา เขายังไม่เข้าใจว่าจะต้องแสดงอารมณ์อย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ คุณลองสังเกตสิว่า เมื่อลูกตื่นเต้นดีใจ เขาก็จะแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาเต็มที่ เพราะฉะนั้น เมื่อลูกเสียใจหรือโกรธก็เช่นกัน เพราะฉะนั้น มันเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างเรา ที่จะค่อยๆ สอนเขา ว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ และแน่นอนว่า มันต้องใช้เวลาพักใหญ่ กว่าลูกจะรับมือกับอารมณ์ของตัวเองได้
วันนี้ M.O.M จึงมี 5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณไม่ปรี๊ดแตก เวลาลูกงอแงขั้นสุดมาฝาก
1. ปรับความคาดหวังของคุณลง ลองเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้สังเกตการณ์

ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเด็กจะเริ่มที่ช่วงวัยหนึ่งขวบ และสมบูรณ์เมื่ออายุประมาณ 5-6 ขวบ และจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
เพราะฉะนั้น ครั้งหน้า ถ้าลูกคุณโวยวายเมื่อไม่ได้ดังใจ เช่น ต่อเลโก้ไม่สำเร็จ หาของเล่นไม่เจอ หงุดหงิดที่คุณไม่ทำในสิ่งที่เขาต้องการ หรืออะไรก็ตามที่ดูไม่สมเหตุสมผลที่จะโวยวายเท่าไรนัก ขอให้คุณนิ่งและสังเกตดูพฤติกรรมของลูก แล้วแทนที่คุณจะตอบสนองเขาด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด คุณจะเริ่มรู้สึกเห็นใจ เมื่อพบว่าลูกก็กำลังเผชิญหน้ากับพายุอารมณ์ที่รุนแรงของตัวเองเช่นกัน
2. แยกอารมณ์ของคุณกับลูกออกจากกัน

การที่ลูกงอแงไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องงอแงโมโหตามลูก คุณต้องนิ่งไว้ การหายใจเข้าลึกๆ จะช่วยให้คุณใจเย็นลงได้ พยายามนึกไว้เสมอ ว่าเขายังเป็นเด็กคนหนึ่งที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณเสมอ
3. เตรียมตัวให้พร้อม

ถ้าคุณแม่สังเกตพฤติกรรมลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อลูกงอแง คุณจะรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง การที่คุณแม่มีแผนรับมือลูกอยู่ในหัว มันจะช่วยให้คุณเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี เพราะคุณรู้แล้วว่า เมื่อลูกแสดงออกอย่างนั้น คุณจะรับมือกับลูกอย่างไร
4. ดูแลตัวเอง

การนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองบ้าง จะช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพจิตดี อารมณ์ดี และปรี๊ดแตกได้ยากขึ้น
5. ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าคุณจะพลาดบ้าง

แต่สุดท้าย ถ้าคุณเกิดพลาด หรือเผลอปรี๊ดแตกระเบิดอารมณ์ใส่ลูกไปแล้ว หลักการง่ายๆ เมื่อคุณรู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้วก็คือ
ยอมรับ, คุณต้องยอมรับว่าตัวเองอารมณ์เสีย
ขอโทษ, ไม่แปลกถ้าคุณจะเป็นฝ่ายขอโทษลูก เพราะผู้ใหญ่ก็ทำผิดได้เหมือนกัน
แก้ปัญหา, คุยกับลูกว่า ครั้งต่อไปคุณจะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองอย่างไร เช่น “เมื่อกี้แม่โกรธมาก แม่ขอโทษนะครับ ที่จริงแม่ไม่ควรตะโกนใส่ลูก ตอนนี้แม่รู้สึกตัวแล้ว ต่อไปเวลาแม่โกรธ แม่จะหายใจลึกๆ นับ 1 ถึง 10 ก่อนที่จะใช้วิธีโวยวายใส่ลูกนะครับ”
การทำแบบนี้จะทำให้ลูกได้เรียนรู้ถึงการให้อภัย เห็นอกเห็นใจ และยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST