คุณแม่ตั้งครรภ์ มักจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเข้าใจของตัวเอง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้และได้ยินมานั้นจริงหรือไม่ อะไรบ้างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรทำหรือห้ามทำ และอะไรบ้างที่เป็นอันตรายต่อลูกในท้อง
1. กินน้ำมะพร้าวทำให้แท้ง
คุณแม่หลายคนมีความเชื่อว่าน้ำมะพร้าวทำให้มดลูกบีบตัวจนเป็นอันตรายกับลูกได้ แต่ความจริงแล้ว น้ำมะพร้าวจะเป็นอันตรายก็ต่อเมื่อคุณแม่มีอาการครรภ์เป็นพิษ หรือกินน้ำมะพร้าวที่ไม่มีคุณภาพ
นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังมีประโยชน์มากมาย เช่น สร้างภูมิคุ้มกันให้คุณแม่และทารกในครรภ์ ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โรคเริม เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
2. ดื่มนมเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ จะทำให้ลูกแข็งแรง
คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มนมหรือกินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป เพราะอาจมีผลต่ออาการแพ้อาหารต่างๆ ของลูกในอนาคตได้ สิ่งที่คุณแม่ควรทำก็คือการกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสมตามปกติ และเลือกเพิ่มอาหารที่มีคุณค่าทางสารอาหาร เช่น เสริมโปรตีนและแคลเซียมจากปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว งาดำ และอัลมอนด์ ในปริมาณที่เหมาะสม
3. สะโพกใหญ่ดี ทำให้คลอดง่าย
สะโพกใหญ่ไม่ได้เกี่ยวกับการคลอดลูก แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องคือกระดูกอุ้งเชิงกราน ตามปกติแล้วอุ้งเชิงกรานของคุณแม่ตั้งครรภ์จะใหญ่ขึ้นในช่วงไตรมาสที่สาม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดลูก แต่ถ้าหากว่ากระดูกอุ้นเชิงกรานของคุณแม่มีขนาดเล็กเกินไป คุณหมอก็อาจจะพิจารณาให้ผ่าคลอดได้
4. ขนาดและรูปร่างของท้องบอกได้ว่าลูกมีเพศชายหรือเพศหญิง
เราไม่สามารถรู้เพศของลูกได้จากการดูขนาดท้องคุณแม่ เพราะขนาดท้องจะสามารถบอกได้ถึงตำแหน่งขนาดตัวของทารกเท่านั้น
5. การอัลตร้าซาวด์เป็นอันตรายกับลูก
การอัลตร้าซาวด์บ่อยๆ ไม่อันตรายต่อทารกในครรภ์ เพราะเครื่องอัลตร้าซาวด์ใช้คลื่นความถี่ที่เหมาะสมทั้งแม่และทารก
6. คนท้องนอนคว่ำได้
ปกติทารกจะอยู่ในถุงน้ำคร่ำ คุณแม่นอนคว่ำได้ในช่วงสามเดือนแรก แต่ในช่วงครรภ์ระหว่าง 4-9 เดือน การนอนคว่ำทำให้คุณแม่หายใจลำบาก และยังเป็นการกดทับบริเวณมดลูก ส่งผลให้เป็นอันตรายต่อทารกที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ภายใน
ท่านอนที่ช่วยให้คุณแม่นอนสบายขึ้นคือ ท่านอนตะแคงซ้าย เอาหมอนข้างรองบริเวณต้นขา คอ และหันศรีษะไปด้านใดด้านหนึ่ง
7. คนท้องต้องนอนเยอะๆ
หากคุณแม่นอนเพลินจะส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี เพราะน้ำหนักครรภ์จะไปกดทับกระเพาะอาหารและลำไส้ เกิดอาการจุกเสียดแน่นท้อง อาจไปกดทับเส้นเลือดดำทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการบวม รู้สึกเมื่อย หน้ามืด และเป็นลม
COMMENTS ARE OFF THIS POST