READING

After School Meltdown : 5 วิธีปลอบโยนลูกจากความเคร...

After School Meltdown : 5 วิธีปลอบโยนลูกจากความเครียดหลังเลิกเรียน

After School Meltdown

การปลุกลูกไปโรงเรียนตอนเช้าจัดเป็นปัญหาสามัญประจำบ้านของคุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการส่งลูกเข้าโรงเรียน แต่เมื่อผ่านช่วงหนึ่งคุณพ่อคุณแม่กลับต้องเผชิญปัญหา ลูกงอแงหลังเลิกเรียน ทั้งอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด หรือร้องไห้กลับบ้านมาก็มี

After School Meltdown หรือภาวะเหนื่อยล้าหลังเลิกเรียน มักเกิดขึ้นในเด็กวัย 4-7 ปี เนื่องจากเป็นวัยที่เด็กต้องเริ่มปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม กฎระเบียบ และทักษะใหม่ๆ ซึ่งต้องใช้พลังงานทั้งร่างกายและอารมณ์เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดการสะสมความเครียดและความกดดันตลอดทั้งวัน เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ลูกจึงระเบิดอารมณ์และความเหนื่อยล้าออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น หงุดหงิด งอแง หรือเก็บตัวเงียบ ไม่ยอมคุยกับใคร

การทำความเข้าใจภาวะเหนื่อยล้าหลังเลิกเรียน หรือ After School Meltdown และเรียนรู้วิธีปลอบโยนลูกจากความเครียด จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยคลายความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ให้ลูกกลับมาสดใสได้อีกครั้ง แต่คุณพ่อคุณแม่จะปลอบโยนลูกอย่างไรได้บ้าง มาดูกันค่ะ

1. ทำให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดภัย

ASMeltdown_web_1

เมื่อลูกกลับถึงบ้าน สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย ลดสิ่งกระตุ้นหรือกวนใจต่างๆ เช่น เสียงดังจากข่าวในโทรทัศน์ หรือคำถามมากมายจากคุณพ่อคุณแม่ โดยอาจจัดมุมสงบให้ลูกได้พักผ่อนในพื้นที่ส่วนตัว เปิดเพลงคลอเบาๆ หากต้องการพูดคุย ควรรอให้ลูกได้มีเวลาปรับตัวและคลายความเหนื่อยล้า ปล่อยให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่ชอบสักพัก แล้วจึงเข้าไปคุยเล่นกับลูกตามปกติ

2. รับฟังลูกอย่างตั้งใจ

ASMeltdown_web_2

เมื่อปล่อยให้ลูกผ่อนคลายสักครู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าไปคุยเล่นหรือถามไถ่ลูกได้ เมื่อลูกเล่าเรื่องหรือแสดงความรู้สึกที่มีในวันนั้นๆ ออกมา สิ่งสำคัญคือการที่คุณพ่อคุณแม่รับฟังและเข้าใจความรู้สึกของลูกอย่างแท้จริง โดยไม่รีบตัดสิน ตำหนิ หรือพยายามปิดกั้นอารมณ์ของลูก เพราะการแสดงความเห็นอกเห็นใจจะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับและเข้าใจจากคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง

3. หากิจกรรมช่วยเติมพลังให้ลูก

ASMeltdown_web_3

หลังจากที่ลูกได้ปลดปล่อยอารมณ์แล้ว การหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายและเติมพลังจะช่วยให้ลูกรู้สึกดีขึ้น พร้อมลุยในวันถัดไป คุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูกทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว เช่น เล่นเกมสนุกๆ ทำอาหารด้วยกัน ออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน

4. อาหารดี อารมณ์ดี

ASMeltdown_web_4

นอกจากการหากิจกรรมทำร่วมกับลูกแล้ว อาหารเย็นก็มีส่วนช่วยให้ลูกรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้ คุณพ่อคุณแม่อาจเตรียมเสิร์ฟอาหารจานโปรดเอาใจลูก สลับกับอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมอารมณ์และพฤติกรรมของลูก ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง อย่างปลาแซลมอน ปลาทู หรือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น สตรอว์เบอร์รี่ หรือส้ม ก็จะช่วยให้ลูกรู้สึกสดชื่นและลดความเหนื่อยล้าลงไปได้

5. พ่อแม่ต้องอดทนและให้เวลาลูก

ASMeltdown_web_5

สำหรับเด็กอายุ 4-7 ปี การจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทน ให้เวลา ไม่หงุดหงิดใส่ลูก เพราะอาการเหล่านี้จะไม่ได้หายไปในทันที อาจเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลา การแสดงความเข้าใจและความอดทน จะช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและมีกำลังใจที่จะพยายามจัดการอารมณ์ตัวเองมากขึ้น

 

อ่านบทความ: พ่อแม่เลิกงานช้า แต่ว่าลูกเลิกเรียนเร็ว แล้วจะทำยังไง?!
อ้างอิง
Today’sparents
BBC
Thekiddclinic

PITTAYARAT CH.

พิทยารัตน์ ชูพล: เด็กผู้หญิงผู้รับบทบาทลูกสาวคนเล็ก ที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักเเละความใส่ใจจากคุณแม่ จนมีความใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมอบความรักอันยิ่งใหญ่แบบนี้ให้ใครสักคนบ้าง

COMMENTS ARE OFF THIS POST