READING

เด็กทะเลาะกัน : พ่อแม่ควรช่วยเหลือหรือมีบทบาทอย่าง...

เด็กทะเลาะกัน : พ่อแม่ควรช่วยเหลือหรือมีบทบาทอย่างไร

เด็กทะเลาะกัน

เด็กเล็กย่อมต้องมีการเล่นสนุกกับเพื่อนในวัยใกล้เคียงหรือวัยเดียวกัน แต่บางครั้ง เห็นเล่นกันอยู่ดีๆ ไม่ทันไรก็เกิดการกระทบกระทั่ง จากเพื่อนก็กลายเป็นคู่กรณี เพราะทำอะไรไม่ถูกใจ เช่น ตกลงกันไม่ได้ แย่งของเล่น ผลักกัน หรือล้มทับกันโดยไม่ได้ตั้งใจ

หากผู้ใหญ่เห็นเหตุการณ์ เด็กทะเลาะกัน ทั่วไป ก็อาจวางเฉยหรือเข้าไปช่วยห้าม ช่วยแยก แต่หากในสถานการณ์นั้นคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ หรือถูกเพื่อนทำรุนแรงใส่ ก็ยากที่คุณพ่อคุณแม่จะไม่รู้สึกตกใจ สะเทือนใจ หรือโกรธที่เห็นอย่างนั้น แต่แทนที่จะรีบเข้าไปจัดการด้วยอารมณ์เต็มเปี่ยม การรับมือด้วยสติ ใจเย็น อ่อนโยน และการเข้าใจพัฒนาการของเด็กอย่างแท้จริงต่างหาก ที่จะช่วยหยุดเหตุการณ์ เด็กทะเลาะกัน ได้อย่างมีประสิทธิผล

ดังนั้น สิ่งสำคัญของการยับยั้งสถานการณ์ลูกทะเลาะกับคนอื่น ลูกเป็นฝ่ายถูกกระทำ หรือถูกเพื่อนเล่นแรงก็คือการเข้าไปช่วยคลี่คลายสถานการณ์อย่างคุณพ่อคุณแม่ที่มีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจลูกคนอื่นไม่ต่างจากลูกของตัวเอง ด้วยเทคนิค ดังต่อไปนี้

1. ไม่เข้าไปจัดการด้วยอารมณ์

altercate_web_1

คุณพ่อคุณแม่อาจรู้สึกโกรธหรือเจ็บแทนลูก แต่การเข้าไปใช้ความรุนแรงกับเด็กอีกคน เช่น ตะคอกหรือผลักเด็กให้ออกจากลูกของตัวเอง อาจสร้างความหวาดกลัวและทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงได้

สิ่งที่สำคัญกว่าคือการพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง และเข้าไปหาลูกด้วยท่าทีที่สงบ พูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงแต่ไม่กดดัน ให้ลูกมั่นใจว่าพ่อแม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น เช่น “แม่เห็นว่าเด็กๆ กำลังแย่งของเล่นกัน ลองตกลงกันอีกทีดีไหมคะ” การรับมือด้วยความใจเย็นจะช่วยให้เด็กทั้งสองฝ่ายรู้สึกปลอดภัย และเปิดโอกาสให้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นได้มากขึ้น

2. สังเกตสถานการณ์ก่อนตัดสิน

altercate_web_2

เด็กเล็กมักยังไม่เข้าใจเรื่องขอบเขตของคนอื่นชัดเจน บางครั้งอาจเผลอเล่นแรงเพราะยังควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงไม่ได้หมายความว่าทุกการทะเลาะจะเกิดจากความตั้งใจจะทำร้ายกัน คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตเหตุการณ์ให้ดี ว่าที่ลูกถูกกระทำนั้น เป็นเพราะเล่นกันอยู่ดีๆ แล้วเกิดความผิดพลาด หรือเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จากความตั้งใจของอีกฝ่ายกันแน่

การเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

3. ปลอบให้ลูกรู้สึกปลอดภัย

altercate_web_3

สิ่งที่ลูกต้องการจากคุณพ่อคุณแม่ในเวลานั้น ไม่ใช่คำสั่งสอน แต่คือความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ และมั่นใจว่าคุณพ่อคุณแม่จะอยู่ข้างๆ ในสถานการณ์ที่รับมือตามลำพังได้ยาก

ดังนั้น การปลอบโยน โอบกอด และถามด้วยความห่วงใย เช่น “ลูกเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” จะช่วยให้ลูกค่อยๆ ปรับอารมณ์ให้เย็นลงได้

4. ใช้โอกาสนี้สอนลูกเรื่องการปกป้องตัวเอง

altercate_web_4

หลังจากเหตุการณ์จบลง คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้โอกาสนี้ในการสอนลูกให้กล้าแสดงความคิดเห็นและปกป้องตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น การพูดไม่ให้เพื่อนใช้ความรุนแรงว่า “หยุดนะ” หรือเดินออกมาหาผู้ใหญ่เมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถปกป้องตัวเองได้

5. พูดกับเด็กอีกคนหรือผู้ปกครองของเด็กด้วยความเข้าใจ

altercate_web_5

ในบางสถานการณ์ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเด็กอีกคนตั้งใจเล่นรุนแรงซ้ำๆ หรือมีพฤติกรรมที่น่ากังวล ก็อาจต้องพูดคุยกับเด็กหรือผู้ปกครองของเด็กคนนั้น ด้วยความสุภาพ แสดงความจริงใจ ไม่ตำหนิ ไม่กล่าวโทษ และพูดด้วยความเห็นอกเห็นใจเด็กทั้งสองฝ่าย เพราะการพูดคุยแบบร่วมมือจะช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น และสร้างความเข้าใจระหว่างครอบครัวได้มากกว่าการปะทะกันด้วยอารมณ์อีกด้วย

 

อ่านบทความ: ลูกทะเลาะกับเพื่อน : คุณพ่อคุณแม่จะรับมืออย่างไร เมื่อลูกมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียน
อ้างอิง
Synphaet
psychologytoday
melbournechildpsychology

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST