แม้ว่าผลิตภัณฑ์แม่และเด็กจะมีการตรวจสอบที่เข้มงวดและมีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำการตลาดอย่างชัดเจน แต่ความเก่งกาจของนักการตลาดก็มักจะมีกลยุทธ์มากระตุ้นความสนใจคุณพ่อคุณแม่ได้เสมอ
แต่ช้าก่อน! ก่อนจะเลือกซื้อ ของใช้เด็กแรกเกิด หรือ ผลิตภัณฑ์สำหรับคนท้อง ขอให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมตัวเป็นพ่อแม่นักช้อปที่รู้ทันการตลาด ไม่คล้อยตามคำโฆษณาชวนเชื่อ ที่คิดขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจและเงินในกระเป๋าของคุณพ่อคุณแม่ง่ายๆ
ก่อนตัดสินใจซื้อ ของใช้เด็กแรกเกิด หรือผลิตภัณฑ์สำหรับคุณแม่ ลองมาสังเกต 4 กับดักทางการตลาด ที่มักใช้ได้ผลจนกลายเป็นความเข้าใจผิดที่อาจทำให้คุณแม่นักช้อปทั้งหลาย เสียเงินไปโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
1. นมผงมีสารอาหารที่นมแม่ไม่มี (?)
เทรนด์ทางการตลาดช่วงหนึ่งมีการถกเถียงกันว่า ในน้ำนมแม่มี Synbiotic หรือสารอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายหรือไม่? ในขณะที่นมผงสำหรับทารกสามารถเติมซินไบโอติกเพื่อให้ทารกได้รับคุณประโยชน์จากการกินนมผงมากกว่า
ต่อมา มีงานศึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และกุมารแพทย์มากมายก็ออกมายืนยันว่า นมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกทั้งพรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ และซินไบโอติกส์ นอกจากนั้นน้ำนมแม่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นตามธรรมชาติ ต่างจากสารอาหารที่ผ่านการสังเคราะห์เพื่อผสมลงในนมผง ซึ่งอาจทำให้ลูกมีอาการแพ้ได้
ดังนั้น ในช่วง 6 เดือนแรก คุณแม่จึงควรให้ลูกกินนมแม่เพียงอย่างเดียว เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ลดโอกาสการแพ้นม และยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อนมผมได้ถึง 4,000-5,000 บาทต่อเดือนเลยค่ะ
2. ยิ่งกินอาหารเสริมลูกยิ่งแข็งแรง
เมื่อลูกอายุได้ 7 เดือน ระบบและการทำงานต่างๆ ในร่างกายจะพัฒนาและต้องการสารอาหารมากกว่าเดิม นักการตลาดจึงมักใช้จุดนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการจูงใจให้คุณพ่อคุณแม่มองหาวิตามินหรืออาหารเสริมให้ลูกน้อย
ความจริงแล้ว วิตามินที่ร่างกายลูกต้องการล้วนมีอยู่ในน้ำนมแม่ หรือผักผลไม้ที่คุณแม่สามารถให้ลูกกินเสริมได้ตามช่วงวัย คุณแม่จึงไม่จำเป็นต้องซื้อวิตามินหรืออาหารเสริมให้ลูกกินเพิ่ม
นอกจากกรณีที่ลูกมีการเจริญเติบโตผิดปกติ น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ หรือในกรณีที่คุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคโลหิตจาง โรคหัวใจ ซึ่งจะทำให้มีน้ำนมน้อยกว่าปกติ จนไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของทารก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ควรให้อาหารเสริมลูกตามคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น
3. ต้องเลือกใช้สกินแคร์สำหรับแม่และเด็กเท่านั้น
หากคุณพ่อคุณแม่สังเกต ราคาของใช้ที่กำกับว่าปลอดภัยสำหรับแม่และเด็กมักจะมีราคาสูงกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นครีมทาท้องลายสำหรับคุณแม่ แชมพู หรือสบู่อาบน้ำสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากลองศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ก็จะสามารถคุณแม่ยังมีทางเลือกสำหรับการซื้อสกินแคร์ให้ตัวเองและลูกน้อยได้ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์สูตรที่มาเพื่อผิวบอบบางแพ้ง่าย และไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง (Dermatologically tested) และการทดสอบการแพ้ระคายเคือง (Hypoallergenic tested) จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
4. ต้องมีของเล่นให้ลูกตั้งแต่แบเบาะ
พ่อแม่มือใหม่มักโดนคำว่า ‘ของเล่นเสริมพัฒนาการ‘ มาจูงใจให้ต้องคอยหาซื้อของเล่นมาเตรียมไว้ให้ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด
แต่ในความจริงแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำว่า ควรให้เด็กเริ่มเล่นของเล่น เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายเริ่มมีพัฒนาการ เช่น การมองเห็นสีสันและและหยิบจับสิ่งของได้ดีกว่าช่วงแรกเกิด ดังนั้น ช่วง 6 เดือนแรกของลูก คุณพ่อคุณแม่อาจไม่จำเป็นต้องรีบหาของเล่นมาเพื่อเสริมพัฒนาการลูกมากนัก แต่ควรให้ความสำคัญกับการซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น ผ้าอ้อม หรือชุดเครื่องนอนดีๆ ให้ลูกมากกว่าค่ะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST