คุณพ่อคุณแม่อาจเคยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมบางอย่างของลูก ไม่ว่าจะเป็น เอาแต่ใจ ไม่เชื่อฟัง ชอบเถียง หรือดื้อต่อต้าน
พฤติกรรมไม่น่ารักเหล่านี้ อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าจะทำให้ ลูกนิสัยไม่ดี ไปจนโต แต่ความจริงแล้ว พฤติกรรมบางอย่างของลูก อาจไม่น่ารักไม่ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ก็อาจเป็นจุดแข็งที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของลูก เพียงแค่รอเวลาได้รับการขัดเกลาอย่างเหมาะสมจากคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น
ดังนั้น ก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินพฤติกรรมไม่น่ารักว่าเป็นเพราะ ลูกนิสัยไม่ดี อาจต้องลองเปิดใจมองให้ลึกถึงสาเหตุ เหตุผล และที่มาของพฤติกรรมเหล่านั้น เพื่อหาทางปรับปรุง แก้ไข หรือส่งเสริมให้กลายเป็นข้อดีของลูกได้อย่างเหมาะสม
1. พฤติกรรมดื้อรั้น เอาแต่ใจ : มีความมุ่งมั่นและมีความเป็นผู้นำ

เวลาลูกดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวเอง อาจดูไม่น่ารักในสายตาคุณพ่อคุณแม่ แต่นั่นเป็นเพราะลูกมีความคิดและความต้องการของตัวเอง และต้องการที่จะทำให้ได้อย่างนั้น
หากคุณพ่อคุณแม่รีบตัดสินและลงโทษลูก โดยไม่รับฟังเหตุผล อาจทำให้ลูกรู้สึกด้อยค่า ไม่ได้รับความเข้าใจจากคุณพ่อคุณแม่เท่าที่ควร
สิ่งที่ควรทำก็คือ ลองรับฟังเหตุผลของลูก แล้วอธิบายข้อจำกัดของคุณพ่อคุณแม่ สอนให้ลูกเข้าใจว่าความแน่วแน่กับความดื้อรั้นแตกต่างกันอย่างไร ยอมให้ลูกได้คิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ต้องรับฟังและยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นเช่นกัน หรือ
2. ลูกขี้อิจฉา : มีแรงผลักดันและต้องการพัฒนา

หากลูกมีพฤติกรรมแสดงความอิจฉา เช่น เวลาที่เห็นเพื่อนได้ดีกว่า หรือรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นคนอื่นได้รับคำชมมากกว่าตัวเอง ย่อมทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจ เพราะอาจทำให้ลูกกลายเป็นคนไม่น่ารักหรือเติบโตขึ้นเป็น toxic people ได้
แต่ความจริงแล้ว การที่ลูกรู้สึกอิจฉาคนอื่น อาจเป็นสัญญาณว่าลูกเป็นเด็กที่มีแรงผลักดันภายในและต้องการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะเด็กที่อิจฉาคนอื่นมักจะรู้สึกว่าตัวเองยังขาดอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ลองสอนให้ลูกมีมองมุมใหม่ เปลี่ยนจากความอิจฉาเป็นแรงบันดาลใจ ลูกจะสามารถนำความรู้สึกนี้มาเป็นพลังในการพัฒนาตัวเองได้
3. ลูกชอบเถียง ชอบตั้งคำถาม : เก่งคิดวิเคราะห์และกล้าแสดงออก

เด็กบางคนชอบตั้งคำถาม หรือเถียงคุณพ่อคุณแม่เป็นประจำ จนทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าลูกเป็นเด็กหัวแข็งและควบคุมยาก แต่ความจริงแล้ว นี่เป็นสัญญาณของการมีความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์และการกล้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในโลกยุคปัจจุบัน
เพราะเด็กที่กล้าถามสิ่งที่ไม่เข้าใจหรือกล้าโต้แย้งเมื่อไม่เห็นด้วย มักเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ หากคุณพ่อคุณแม่สอนให้ลูกรู้จักแสดงออกอย่างเหมาะสม ฝึกให้ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และใช้เหตุผลอย่างมีตรรกะ ลูกก็จะเติบโตเป็นคนที่กล้าคิด กล้าตั้งคำถาม และสามารถแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี
4. เล่นซน ไม่อยู่นิ่ง : มีพลังและความคิดสร้างสรรค์

เด็กที่ไม่สามารถนั่งอยู่นิ่งได้นานๆ ชอบวิ่งเล่น ปีนป่าย อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่คิดว่าลูกเป็นเด็กซน ไม่มีสมาธิ หรือรุนแรงถึงขึ้นสมาธิสั้น แต่ความจริงแล้ว เด็กที่ชอบเล่นซนและไม่อยู่นิ่ง เป็นหนึ่งในพฤติกรรมตามธรรมชาติของเด็กที่มีพลังงานเยอะและมีจินตนาการสูง
ดังนั้น แทนที่จะพยายามบังคับให้ลูกอยู่เฉยๆ หรือดุเวลาลูกเล่นซน ลองมองหากิจกรรมที่ช่วยให้ลูกได้ใช้พลังงานอย่างถูกต้อง เช่น กีฬา ดนตรี หรือกิจกรรมศิลปะ การให้เด็กได้ใช้พลังในทางที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ดีขึ้น และลดการแสดงพฤติกรรมไม่น่ารักอื่นๆ ที่อาจตามมาได้อีกด้วย
5. ชอบแกล้งคนอื่น : ต้องการปฏิสัมพันธ์และมีอารมณ์ขัน

เด็กบางคนชอบเข้าสังคมต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น อยากเข้าหา อยากเล่นด้วย แต่ไม่รู้วิธีการที่เหมาะสม จึงใช้การแกล้งหรือเล่นรุนแรง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่อยากเล่นด้วย
ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่สอนให้ลูกเข้าใจขอบเขตของการเล่น มารยาทในการเข้าหาคนอื่น และรู้จักเห็นอกเห็นใจก็จะช่วยให้ลูกสามารถปรับตัว สร้างมนุษยสัมพันธ์ และเป็นที่รักของคนอื่นมากขึ้น
COMMENTS ARE OFF THIS POST