ถ้าคิดว่า Baby Shark เป็นเพลงที่ครองใจเด็กๆ ทั่วโลกได้แล้ว คงต้องเว้นวัยรุ่นฟันน้ำนมในประเทศไทยตอนนี้ เมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มร้อง ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย เธอไม่อินกับผู้ชายแบดบอย และส่งเสียงว้ากตามต้นฉบับของวง Paper Planes ได้อย่างคล่องปาก จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ เพลงชาติวัยรุ่นฟันน้ำนม ขึ้นอย่างที่เจ้าของเพลงเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน

คำถามคือ ทำไมเพลงนี้ถึงถูกใจเด็กๆ นัก

เรามีโอกาสได้ลองถามความเห็นจากเด็กอนุบาล 2-3 คน ก็ได้คำตอบไปในทางเดียวกันว่าเป็นเพลงที่ร้องตามแล้วรู้สึกสนุก ยิ่งร้องพร้อมกันหลายคนก็ยิ่งสนุก

ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่า ดนตรีมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก เพราะเสียงดนตรีช่วยสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์สมองพัฒนาประสาทสัมผัส ทักษะด้านภาษา คณิตศาสตร์ การควบคุมอารมณ์ และการรับรู้ทางสังคมอีกด้วย

ข้อมูลของทางองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Too Small to Fail ระบุว่า การร้องเพลงสามารถเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมวัตรประจำวันของเด็กๆ และยังมีส่วนช่วยสอนพื้นฐานเรื่องคำศัพท์ การออกเสียง จังหวะ รวมทั้งทักษะเชิงวิชาการ เช่น คณิตศาสตร์ได้

แต่หากคุณพ่อคุณแม่ยังสงสัยว่าทำไมดนตรีร็อกอย่าง ทรงอย่างแบด ถึงได้ครองใจวัยรุ่นฟันน้ำนมในยุคนี้ได้ เราชวนคุณพ่อคุณแม่มาร่วมทำความเข้าใจไปพร้อมกันค่ะ

1. พัฒนาการตามวัย เมื่อได้ยินเสียงเพลง

Richard Peterson หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิชาการของ Kiddie Academy อธิบายว่า เด็กๆ จะรู้สึกหลงใหล ‘เสียงดนตรี’ ตั้งแต่แรกเกิด หลังจากนั้นเมื่อเด็กอายุ 2-3 ปี จะเริ่มฮัมเพลง และร้องตามสั้นๆ แบบไม่เข้าจังหวะ สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเสียงและเครื่องดนตรีต่างๆ เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายตามเสียงเพลง ไม่ว่าจะเป็น การเดินเร็วๆ หมุนตัว กระโดด เขย่งและซอยเท้าได้

สำหรับเด็กอนุบาลวัย 4 – 5 ปี จะสามารถจดจำและออกเสียงคำศัพท์ต่างๆ ได้ดีขึ้น จำเนื้อเพลงที่ยาวและซับซ้อนได้มากขึ้น สามารถร้องเพลงได้คล่อง และร้องได้เกือบทั้งเพลง รวมทั้งสามารถบอกชื่อเพลงที่ชื่นชอบหรือฟังบ่อยๆ ได้ทันทีที่ได้ยินเสียงดนตรีของเพลงนั้น

2. ร้องตามได้เพราะเนื้อเพลงมีคำศัพท์คล้องจอง

เด็กอนุบาลสามารถจะสามารถจดจำและร้องเพลงได้คล่องปากจากเนื้อเพลงที่มีคำสั้นๆ คล้องจอง และใช้คำศัพท์ที่จดจำได้ง่าย เช่น เนื้อเพลงที่ร้องว่า ก้าบ ก้าบ ก้าบเป็ดอาบน้ำใน ‘คลอง’ ตาก็จ้องแล ‘มอง’ เพราะใน ‘คลอง’ มีหอยปลาปู หรือเพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก ที่มีคำซ้ำและจดจำง่ายตลอดทั้งเพลง เช่น baby shark, Itsy Bitsy Spider หรือ Twinkle Twinkle little star ที่เด็กๆ รู้จักกันดี

#คำคล้องจองออกเสียงสนุก เนื้อเพลงทรงอย่างแบด จะประกอบไปด้วยคำศัพท์ที่ออกเสียงง่าย สั้น กระชับ และคล้องจอง โดยเฉพาะท่อนฮุก ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย เธอไม่อินกับผู้ชายแบดบอย และท่อนที่ร้องว่า ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย เธอไม่รัก ฉันก็คงต้องปล่อย ที่มีคำคล้องจองทั้งคำว่า แบด – แซด – บ่อย – ปล่อย

#คำศัพท์ที่ใช้เด็กเข้าใจได้ แม้จะไม่เข้าใจเนื้อหาที่เพลงสื่อสารก็ตาม แต่เด็กๆ สนุกไปกับการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ เช่น sad, bad และ boy ที่พวกเขารู้ความหมาย

#จังหวะเพลงคล้ายการท่องสูตรคูณ เด็กๆ อนุบาลอาจยังไม่รู้จักการท่องสูตรคูณ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ลองร้องเพลงนี้ ด้วยจังหวะเดียวกับการท่องสูตรคูณ ก็จะพบว่าทั้งสองอย่างมีความคล้ายและใกล้เคียงกันมาก ซึ่งอาจเป็นจังหวะที่ได้ยินแล้วติดหู จำง่าย และร้องตามอย่างสนุกสนานได้ง่าย

3. วัยรุ่นฟันน้ำนม ชอบเพลงที่ทำให้รู้สึกถึงความเท่ 

#ช่วยระบายอารมณ์ การร้องเพลงคือ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีสร้างความสนุกและช่วยผ่อนคลายอารมณ์ให้กับเด็กๆ อาจมีความเป็นไปได้ว่า การร้องเพลงนี้ ทำให้เด็กๆ ได้ปลดปล่อยอารมณ์ ด้วยการตะโกนร้องเพลง และกระโดดอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะท่อนว้าก ที่มีการแผดเสียงและเน้นคำว่า แบดดดดด และ บอยยยยยยยย ที่ดูเหมือนจะถูกใจเด็กๆ มากเป็นพิเศษ เพราะในเวลาปกติ คงจะหาโอกาสตะโกนแบบนี้ได้ไม่ง่ายนัก

#ร้องเพลงแล้วรู้สึกเท่ โดยเฉพาะกับเด็กผู้ชาย เพราะเนื้อหามีคำว่า boy ที่เกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรง และก็มีคำกวนๆ อย่าง bad และภาพลักษณ์ของนักร้องนำไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ทรงผม และรอยสัก ที่ทำให้เด็กๆ รู้สึกถึงความเท่ และเป็นแบดบอยเข้ากับเนื้อเพลงได้

4. ศิลปินมีการพูดสื่อสารกับแฟนเพลงรุ่นจิ๋ว

ตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆ วง Paper Planes จะมีการสื่อสารกับกลุ่มแฟนเพลงตัวเล็กของพวกเขา เช่น ดูคอนเสิร์ตจบแล้ว อย่าลืมแปรงฟันด้วย  จนกลายกระแส และได้รับผลตอบรับที่ดีจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กๆ ได้ยินแล้วทำตามยิ่งกว่าที่คุณพ่อคุณแม่พูดเองเสียอีก

อ้างอิง
primroseschools
romper
brandinside
เรื่องเล่าเช้านี้