READING

ลูกถูกรังแก: 5 วิธีสอนให้ลูกปกป้องตัวเองจากการถูกเ...

ลูกถูกรังแก: 5 วิธีสอนให้ลูกปกป้องตัวเองจากการถูกเพื่อนรังแก

ลูกถูกรังแก

ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องการปกป้องและดูแลลูกด้วยความทะนุถนอมมากแค่ไหน หรือพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเพียงใด แต่ความจริงก็คือ คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถอยู่กับลูกและปกป้องลูกได้ตลอดเวลา

เมื่อลูกเติบโต ต้องเข้าโรงเรียน ต้องมีเพื่อน และสังคมนอกบ้าน เป็นธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเตรียมตัวและเตรียมใจยอมรับ หาก ลูกถูกรังแก ถูกเพื่อนล้อ หรือถูกเอารัดเอาเปรียบไปบ้าง

ถึงอย่างนั้น เมื่อรู้ว่า ลูกถูกรังแก คุณพ่อคุณแม่ก็ย่อมรู้สึกกังวลและไม่สบายใจ อยากปกป้อง อยากให้ความช่วยเหลือ และไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้นตามลำพัง

แต่หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่การห้ามไม่ให้โลกทำร้ายลูก แต่คือการเตรียมความพร้อมให้ลูกมีความเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับสถานการณ์ยากลำบากที่อาจเกิดขึ้นได้

ดังนั้น การสอนลูกให้รู้จักปกป้องตัวเองตั้งแต่ยังเล็กจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการรับมือกับการถูกรังแกอย่างเหมาะสม

1. รับฟังลูก

BeingBullied_web_1

ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะสอนหรือแก้ไขอะไร สิ่งแรกที่ควรทำคือการเปิดใจและรับฟังลูกให้เต็มที่ เมื่อลูกเล่าว่าถูกเพื่อนรังแก อย่าเพิ่งรีบตัดสินว่าเป็นความผิดของใคร ไม่จำเป็นต้องรีบตำหนิหรือสั่งสอนลูกในทันที แต่คุณพ่อคุณแม่ควรให้โอกาสลูกได้เล่าเรื่องราวและความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่ การฟังลูกโดยไม่ตัดสิน ไม่รีบสรุป หรือตัดบทลูก จะช่วยให้ลูกได้ทบทวนเรื่องราว สะท้อนอารมณ์ และมั่นใจว่าคุณพ่อคุณแม่พร้อมที่จะเข้าใจและให้ความช่วยเหลือเมื่อลูกต้องการได้เสมอ

2. สอนให้ลูกรู้จักความแตกต่างของการหยอกล้อและรังแก

BeingBullied_web_2

เด็กบางคนอาจไม่ตอบโต้หรือไม่ปกป้องตัวเอง เพราะไม่แน่ใจว่าพฤติกรรมที่เพื่อนแสดงออกนั้นถือเป็นการแกล้งหรือรังแกหรือไม่ เช่น เพื่อนมาขอของเล่น อาจเป็นการขอเล่นด้วยเจตนาที่ดี อยากเล่นด้วยกัน หรือเป็นการขอที่แฝงไปด้วยการเอาเปรียบ ต้องการเอาของเล่นนั้นไปเล่นคนเดียว ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกสังเกตลักษณะของการกลั่นแกล้งรังแก เช่น เพื่อนมีเจตนาทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี ลำบากใจ หรือเจ็บใจ มักเกิดขึ้นซ้ำๆ และทำให้ลูกรู้สึกด้อยค่า หวาดกลัว ไม่กล้าบอกใคร

ถ้าลูกรู้จักแยกแยะได้ จะเข้าใจว่าเมื่อไหร่ที่ลูกควรปกป้องตัวเองหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ และเมื่อไหร่ที่ลูกควรรับมือหรือปล่อยผ่านให้ได้ด้วยตัวเอง

3. ทำความเข้าใจธรรมชาติของการถูกรังแก

BeingBullied_web_3

การถูกรังแกไม่ได้จำกัดแค่การทำร้ายร่างกาย แต่ยังรวมถึงการล้อเลียน การแกล้งให้ขายหน้า การกีดกันออกจากกลุ่ม การทำร้ายทางจิตใจ หรือแม้แต่การคุกคามทางออนไลน์ พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ลูกบางคนรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้ค่า หรือหวาดกลัวจนไม่อยากไปโรงเรียน ถ้าคุณพ่อคุณแม่มองข้ามหรือบอกเพียงแค่ “อย่าไปสนใจ” หรือ “อดทนเอา” อาจทำให้ลูกเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้และขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง

4. สอนให้ลูกเข้าใจว่าการถูกรังแกไม่ใช่ความผิดของลูก

BeingBullied_web_4

เด็กบางคนอาจเริ่มโทษตัวเองเมื่อถูกรังแกซ้ำๆ ว่าเป็นความผิดของตัวเอง เป็นเพราะตัวเองไม่ดีพอ หรือเป็นคนอ่อนแอที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือการย้ำให้ลูกเข้าใจว่า การถูกรังแกไม่ใช่ความผิดของลูก ลูกมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเอง และไม่จำเป็นต้องทนต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสม เมื่อปลูกฝังความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองให้ลูกได้ ลูกจะเริ่มกล้ายืนหยัดเพื่อปกป้องตัวเองอย่างมั่นคง

5. สอนลูกตอบโต้ด้วยความมั่นใจโดยไม่ใช้ความรุนแรง

BeingBullied_web_5

เด็กที่แสดงออกถึงความมั่นใจมักจะมีโอกาสถูกเลือกเป็นเป้าหมายน้อยกว่าเด็กที่ดูหวาดกลัว และไม่มั่นใจในตัวเอง คุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกให้ลูกมีบุคลิกและการตอบสนองต่อการถูกกลั่นแกล้งรังแกอย่างเหมาะสม โดยไม่ใช้ความรุนแรง เช่น ฝึกให้ลูกพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงและชัดเจน เช่น “หยุดนะ เราไม่ชอบ” หรือ “อย่าแกล้งเราอีก”

นอกจากนี้ การสอนให้ลูกเข้าใจว่าเมื่อไหร่ควรขอความช่วยเหลือก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะแม้ลูกจะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเองแล้ว แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ เช่น การถูกรังแกอย่างรุนแรงหรือการถูกคุกคามต่อเนื่อง คุณพ่อคุณแม่ควรบอกลูกว่า การเล่าเรื่องให้ผู้ใหญ่ฟังไม่ใช่การฟ้อง หรือเป็นเรื่องน่าอาย แต่เป็นการปกป้องตัวเองอย่างเหมาะสมต่างหาก

 

อ่านบทความ: ลูกไม่สู้คน: 4 แนวทางสอนลูกป้องกันตัวเองจากการถูกรังแก
อ้างอิง
anti-bullyingalliance.org.uk
raisingchildren.net.au
synphaet

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST