คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเมื่อถึงวัยหนึ่ง ลูกถึงได้ชอบทำตัวลิงโลดกระโดดไปมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยบอกคอยห้ามว่าอย่ากระโดดนักเลยลูก

ถึงแม้การกระโดดโลดเต้น อาจทำให้ลูกได้รับอันตรายหากไม่ระมัดระวังหรือมีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ในอีกด้าน การกระโดดไม่ได้เป็นเพียงการแสดงออกถึงความซุกซน แต่ยังมีประโยชน์ต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก โดยเฉพาะในเด็กที่มีอายุระหว่าง 2-8 ปี อีกด้วย

ดังนั้น แทนที่จะคอยดุคอยห้ามไม่ให้ลูกกระโดดโลดเต้นไปตามสัญชาตญาณของเขาแล้ว เราชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจว่าการกระโดดมีประโยชน์ต่อลูกอย่างไร แล้วช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้ลูกกระโดดโลดเต้นจนได้รับอันตรายกันดีกว่าค่ะ

1. การกระโดดช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง

การกระโดดเกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวทั้งหมด ดังนั้นการเด้งตัวขึ้นและกระแทกตัวลงพื้นด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม จะช่วยกระตุ้นให้กระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากปล่อยให้ลูกกระโดดขึ้นลงจากที่สูงหรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ย่อมเสี่ยงที่จะตกลงมาได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรจัดหาอุปกรณ์ให้ลูกได้กระโดดอย่างอิสระ เช่น ปูพื้นด้วยเบาะหรือฟูกหนาๆ หรือ หรือให้ลูกเล่นกระโดดกับแทรมโพลีน ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุลงได้

2. การกระโดดช่วยให้หัวใจแข็งแรง

เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ที่ต้องใช้การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอช่วยเสริมความแข็งแรงของระบบหัวใจ ระบบไหลเวียนเลือด และช่วยให้ปอดสามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น การกระโดดก็เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ดีสำหรับเด็กๆ เพราะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้ออกซิเจนสูบฉีด ส่งผลให้ลูกเป็นเด็กที่ตื่นตัว คล่องแคล่ว และสุขภาพแข็งแรงต่อไป

3. อัตราการเผาผลาญดีขึ้น ทำให้น้ำหนักตัวไม่มากเกินไป

ในยุคสมัยที่เด็กส่วนมากได้รับผลกระทบจาการเรียนออนไลน์ ทำให้เกิดเป็นพฤติกรรมนั่งเฉยๆ ไม่ค่อยได้ลุกขยับร่างกายบ่อยๆ จึงส่งผลให้เด็กหลายคนเผชิญกับภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือโรคอ้วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่การวิจัยพบว่า การกระโดดโลดเต้น ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ดี ช่วยรักษาน้ำหนักตัวของลูกให้อยู่ในเกณฑ์ได้โดยไม่ต้องออกไปเล่นกีฬาจริงจังเลยด้วยซ้ำ

4. การกระโดดช่วยให้อารมณ์และสุขภาพจิตดี

หากคุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตจะพบว่า เวลาที่ลูกได้กระโดดโลดเต้นอย่างเป็นอิสระ เขาจะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะออกมาเองโดยธรรมชาติ เพราะว่าการกระโดดไม่เพียงทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงอารมณ์ และให้สุขภาพจิตใจให้ดีขึ้น

เพราะการกระโดดช่วยให้ร่างกายได้รับและสูบฉีดออกซิเจนมากขึ้น ทำให้เกิดการตื่นตัวมากขึ้น ที่สำคัญยังช่วยกระตุ้นให้สมองปล่อยสารเอ็นดอร์ฟิน หรือสารแห่งความสุขออกมา ส่งผลให้เด็กๆ มีความสุขได้ในช่วงเวลานั้นๆ อีกด้วย

5. การกระโดดทำให้การประสานงานในร่างกายดีขึ้น

สมองและร่างกายของเด็กต้องเรียนรู้ที่จะทำงานควบคู่กันตลอดเวลา เช่น  สมองสั่งให้ร่างกายเคลื่อนไหว สมองคิดที่จะเดินไปข้างหน้า ขาก็ต้องขยับและพาร่างกายก้าวไปข้างหน้าด้วย

การกระโดดสามารถช่วยพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวและการทำงานประสานกันของสมองและร่างกายของเด็ก เช่น เมื่อขาดันตัวขึ้น มือและแขนก็ควรขยับไปตามจังหวะการเด้งตัว รวมถึงจังหวะการหายใจก็ต้องสอดรับกับจังหวะการกระโดดของตัวเองด้วย

อ้างอิง
avondale.uptownjungle
fitnesskid
blastentertainment