คุณพ่อคุณแม่รุ่นใหม่เข้าใจดีว่า ทักษะการสื่อสารภาษาที่สองขึ้นไป เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเด็กๆ เจนฯ อัลฟ่าเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาษาอังกฤษที่กลายเป็นทักษะที่จำเป็นและสำคัญไม่น้อยไปกว่าภาษาไทย หลายครอบครัวจึงเลือกแนวทางการ เลี้ยงลูกสองภาษา เพื่อไม่ให้ลูกพลาดโอกาสการพัฒนาการเรียนรู้ที่ต้องใช้ภาษาเป็นสำคัญ
บทความจากหนังสือพิมพ์ Toronto Star ระบุว่า เด็กในประเทศแคนนาดากว่า 17.9% สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษ โดยสามารถเริ่มพูดได้ตามเกณฑ์อายุมาตรฐาน หรือประมาณ 2-3 ขวบ
และเด็กที่ชอบพูดสองภาษาผสมกันในประโยคเดียว ส่วนใหญ่เกิดจากการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ปกครอง หรือกล่าวได้ว่าคุณพ่อคุณแม่พูดแบบไหน ลูกก็จะพูดแบบนั้นนั่นเอง
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าการ เลี้ยงลูกสองภาษา จะทำให้ลูกสับสนและขัดขวางพัฒนาการด้านภาษาของลูก เพราะความจริงแล้วการเลี้ยงลูกสองภาษาส่งผลดีต่อพัฒนาการของสมองและความสามารถในการเรียนรู้ของลูก เพราะสมองของเด็กเล็กมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเรียนรู้ภาษาได้หลายภาษาพร้อมกันได้ง่าย
เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมสองภาษามักจะมีความคิดที่เปิดกว้าง แก้ไขปัญหาได้ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้ดี
และเรายังมี 5 เทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเลี้ยงลูกสองภาษาได้นำไปปรับใช้กันค่ะ
1. หนึ่งคนหนึ่งภาษา
เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือการแบ่งการใช้ภาษาภายในบ้าน เช่น คุณพ่อใช้ภาษาไทยกับลูก และคุณแม่ใช้ภาษาอังกฤษ จะช่วยให้ลูกสามารถแยกแยะการใช้ทั้งสองภาษา ในเวลาที่ต้องการสื่อสารกับแต่ละคนได้อย่างชัดเจน
เมื่อลูกได้ยินภาษาที่แตกต่างกันจากบุคคลที่แตกต่างกัน จะทำให้สมองของลูกเชื่อมโยงระหว่างภาษากับบุคคลนั้นๆ ได้อย่างดี เหมือนกับการสอนให้ลูกจำเป็นภาพ วิธีการนี้จะช่วยลดความสับสนและทำให้ลูกสามารถสลับใช้ทั้งสองภาษาได้คล่องแคล่ว
2. สร้างสภาพแวดล้อมภาษาอังกฤษ
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยภาษาที่สอง เช่น เล่นเกมหรือดูการ์ตูนสองภาษา ติดป้ายชื่อสิ่งของต่างๆ ในบ้านเป็นภาษาที่ต้องการให้ลูกเรียนรู้ จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพราะเกิดจากการทำให้ลูกรู้สึกคุ้นชินในชีวิตประจำวัน มากกว่าการท่องจำนั่นเอง
3. ความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ
คุณพ่อคุณแม่ควรใช้ภาษาอังกฤษ หรือภาษาที่ต้องการฝึกฝนลูกอย่างสม่ำเสมอ และทำอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเวลากินข้าว เวลาเล่น หรือเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน จะช่วยให้ลูกได้ฝึกพูด ฟัง และเข้าใจภาษาได้ดียิ่งขึ้น
4. เน้นสื่อสาร ไม่เน้นไวยากรณ์
เป้าหมายแรกของการใช้ภาษาก็คือการสื่อสาร ดังนั้น ช่วงแรกของการฝึกภาษา คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้พูดอย่างอิสระ โดยไม่กังวลว่าจะผิดไวยากรณ์หรือไม่ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยแก้ไขและให้กำลังใจ โดยไม่ทำให้ลูกรู้สึกกดดันในการพูดต่อไปได้
5. สร้างโอกาสให้ลูกได้ฝึกฝน
การสร้างโอกาสให้ลูกได้ใช้ภาษาที่สองเป็นประจำ จะช่วยให้ลูกสามารถพัฒนาทักษะทางภาษาได้อย่างรวดเร็ว เช่น พาไปเข้าคลาสเรียนภาษา พูดคุยกับเจ้าของภาษา หรือไปเที่ยวต่างประเทศ ก็จะช่วยให้ลูกได้ฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์จริง ทำให้ลูกสามารถนำความรู้ที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
COMMENTS ARE OFF THIS POST