หลังจากกฎหมาย กัญชาเสรี เริ่มมีผลบังคับใช้ หนึ่งในประเด็นที่สังคมต้องระมัดระวังมากขึ้นก็คือ กัญชาจะกลายเป็นสิ่งเสพติดที่เข้าถึงเด็กและเยาวชนได้ง่ายขึ้น
เพราะถึงแม้กฎหมาย กัญชาเสรี จะทำให้กัญชาไม่ใช่สารเสพติดที่ผิดกฎหมายอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้น กัญชาก็ยังคงเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อประสาทและการทำงานของสมองเหมือนที่เคยเป็นมา
ในวันที่ผู้ใหญ่หลายคนให้ความสนใจใน กัญชาเสรี ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ จึงออกแถลงการณ์คำแนะนำ 5 ข้อ เกี่ยวกับผลกระทบที่กัญชามีต่อสุขภาพของเด็กและวัยรุ่น ดังนี้
คำแนะนำ 5 ข้อ เกี่ยวกับผลกระทบของกัญชามีต่อสุขภาพของเด็กและวัยรุ่น จากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์
1. เด็กอายุน้อยกว่า 20 ปีไม่ควรเข้าถึงและบริโภคกัญชา
กัญชามีสาร THC ที่ทำให้รู้สึกเคลิ้มและมึนเมา ซึ่งมีผลต่อสมองของเด็กในระยะยาว เด็กที่สมองยังพัฒนาไม่เต็มที่จึงไม่ควรได้รับสาร THC ยกเว้นกรณีมีความจำเป็นทางการแพทย์ และควรอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด
2. ควรประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโทษกัญชาที่มีต่อสมองเด็กให้ทุกคนเข้าใจ
เพื่อให้พ่อแม่และคนในสังคมตระหนักว่าการใช้กัญชาในเด็กและวัยรุ่นจะส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตในระยะเฉียบพลัน รวมถึงมีผลกระทบในระยะยาวต่อสมอง และอาจรุนแรงถึงกับชีวิตได้
3. ต้องมีคำเตือน ‘ห้ามเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริโภค’ อย่างชัดเจน
ควบคุมการผลิตและขายอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม ให้มีเครื่องหมายหรือข้อความ ‘ห้ามเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริโภค’ เตือนไว้อย่างชัดเจน
4. ห้ามออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมให้เกิดความเข้าใจว่าเด็กและวัยรุ่นสามารถบริโภคได้
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรควบคุมการโฆษณาผลิตภัณฑ์ รวมถึงควบคุมไม่ให้มีการจงใจออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม ให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารหรือขนมที่เด็กและวัยรุ่นบริโภคได้ เช่น การภาพการ์ตูน หรือใช้คำพูดเชิญชวนว่าเหมาะกับเด็กและวัยรุ่น
5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการติดตามผลกระทบของกัญชาที่มีต่อเด็กและวัยรุ่นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากประกาศใช้กฎหมายกัญชาเสรีแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทำการติดตามผลกระทบของกัญชาที่มีต่อเด็กและวัยรุ่นอยู่เสมอ
ปกป้องลูกรักจากควันกัญชามือสอง
นอกจากไม่ควรให้เด็กและวัยรุ่นเข้าถึงการบริโภคกัญชาโดยตรงแล้ว อีกสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวังก็คืออันตรายจากกัญชาที่ส่งผ่านจากผู้ใหญ่หรือคนใกล้ตัวมาถึงเด็กๆ
Claire McCarthy บรรณาธิการอาวุโสของ Harvard Health Publishing เคยเขียนบทความเผยแพร่ในเว็บไซต์ตั้งแต่ปี 2018 ว่า นอกจากควันบุหรี่มือสองจากคนใกล้ชิดจะทำให้เด็กๆ มีโอกาสเป็นโรคหอบหืดมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อทางเดินหายใจ และเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตกะทันหันในทารกแล้ว มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ควันของกัญชาก็สามารถเข้าสู่ร่างกายของคนที่อยู่ใกล้คนสูบกัญชาได้เช่นกัน
และในสหรัฐอเมริกาที่มีการใช้กฎหมายกัญชาเสรีในหลายรัฐพบว่า การสูบบุหรี่รอบตัวเด็กลดลงกว่า 7% แต่ก็มีการสูบกัญชารอบตัวเด็กก็เพิ่มขึ้นเกือบ 5% และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อไป
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมว่า สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กๆ ก็คือการไม่มีคนรอบตัวสูบบุหรี่หรือกัญชา เพราะควันจากการสูบจะยังคงตกค้างอยู่ในพื้นที่รวมถึงเสื้อผ้าและร่างกายของผู้สูบ ดังนั้น จึงไม่ควรมีการสูบบุหรี่หรือกัญชาในบ้านหรือในรถ แม้จะเป็นการสูบในเวลาที่ลูกไม่อยู่ก็ตาม และสุดท้ายผู้สูบบุหรี่หรือกัญชาควรอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย และเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งก่อนเข้ามาใกล้ชิดเด็กๆ
นอกจากนั้น แคลร์ ยังกล่าวว่า บางสิ่งที่ถูกกฎหมาย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย และมันไม่ยุติธรรมเลยที่เราจะหยิบยื่นความเสี่ยงเหล่านั้นให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งอาจได้รับอันตรายจากสิ่งนี้ไปตลอดชีวิตของพวกเขา
COMMENTS ARE OFF THIS POST