คาร์ซีต (car seat) หรือที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก มีไว้เพื่อความปลอดภัย ป้องกัน และลดอันตรายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กๆ ขณะเดินทางโดยรถยนต์ได้

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการเผยแพร่ พ.ร.บ. จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 คือ กำหนดให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือคาร์ซีต หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และจะมีผลใช้บังคับในอีก 120 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

พอมีประกาศและโทษปรับที่ชัดเจนออกมา ภาคประชาชนก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่หลากหลาย พ่อแม่ส่วนมากเห็นด้วยและใช้คาร์ซีตเพื่อความปลอดภัยของลูกเป็นปกติอยู่แล้ว ในขณะที่บางส่วนก็มองว่าเป็นการเพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายให้พ่อแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจเช่นนี้

เราเลยจะมาชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับประเภทของคาร์ซีตที่เหมาะกับเด็กๆ ในช่วงวัยที่แตกต่างกัน

ประเภทของคาร์ซีต

1. Rear – Facing Seat (ใช้กับเด็กแรกเกิด – 3 ปี)

คาร์ซีตที่เหมาะกับทารกแรกเกิด จะเป็นคาร์ซีตที่หันหน้าไปทางด้านหลังรถ  เพราะจะช่วยปกป้องศีรษะและกระดูกสันหลังส่วนคอซึ่งเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดของทารกได้ดี จึงแนะนำให้ใช้กับทารกเกิดและใช้ได้จนถึงน้ำหนักตัวไม่เกิน 10 กิโลกรัม

รายงานจาก Contemporary Pediatrics ในปี 2011 ระบุว่า คาร์ซีตแบบ Rear-facing หรือหันหน้าเข้าเบาะ สามารถป้องกันแรงกระแทกได้มากกว่าการติดตั้งแบบหันหน้าออกจากเบาะได้มากถึง 4-5 เท่าเลยทีเดียว

2. Forward – Facing Seat (ใช้ได้กับเด็กอายุ 2 – 7 ปี)

คาร์ซีตแบบหันหน้าออกจากเบาะ หรือหันหน้าไปทางเดียวกับหน้ารถ ควรทำการติดตั้งไว้ที่เบาะหลังของรถ และสามารถเริ่มใช้ได้เมื่อลูกเริ่มมีส่วนสูงเกินกว่าคาร์ซีตแบบ Rear – Facing Seat หรือเมื่อลูกอายุมากกว่าสองปี หรือน้ำหนักตัวมากกว่า 9 กิโลกรัม

3. Combination Seat (ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด – 7 ปี)

คาร์ซีตประเภทนี้สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ และหันหน้าไปทางด้านหน้ารถ ข้อดีคือความแข็งแรง ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะสามารถใช้งานกับลูกได้หลายช่วงวัย มีขนาดและโครงสร้างใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโตของลูก แต่อาจทำให้ใหญ่เกินไปสำหรับทารกในช่วงแรกได้

4. Booster Seat (ใช้กับเด็ก 4 – 11 ปี)

คาร์ซีตที่มักจะเป็นคาร์ซีตรุ่นสุดท้ายก่อนที่ลูกจะสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยในรถตามปกติได้ เริ่มใช้ได้กับเด็กได้ตั้งแต่วัยอนุบาล มีทั้งรูปแบบที่มีพนักพิงหลังและเป็นเบาะรองนั่งอย่างเดียว ติดตั้งแบบหันหน้าออกจากเบาะและใช้งานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดของเบาะหลัง

และเมื่อลูกมีส่วนสูงมากกว่า 145 ซม. คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถให้ลูกนั่งรถยนต์โดยไม่ต้องใช้คาร์ซีต แต่เปลี่ยนเป็นคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งนะคะ

อ้างอิง
britaxthailand
cottonbaby
childcarseats