ตลอดการเติบโตของลูก มีหลายสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสอน จนทำให้พ่อแม่หลายคนอาจมองข้ามหรือลืมให้ความสำคัญกับการ สอนให้ลูกรักและดูแลธรรมชาติ เพราะดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่เร่งด่วนหรือจำเป็นต่อลูกมากนัก
แต่ความจริงแล้ว ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สำคัญ เพราะการรักษาธรรมชาติและสภาพแวดล้อมให้ดี ย่อมหมายถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกและส่งผลถึงทุกชีวิตบนโลกต่อไป
ดังนั้น นอกจากการปลูกฝังและส่งเสริมทักษะการดำรงชีวิตที่ดีให้ลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรลืมที่จะเปิดโอกาสให้ลูกได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้รอบด้านของลูก และยังเป็นการ สอนให้ลูกรักและดูแลธรรมชาติ รอบตัวเองอีกด้วย
นอกจากนั้น การสอนให้ลูกรักและดูแลธรรมชาติยังสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับความสามารถในการเรียนรู้และช่วงวัยที่เหมาะสมของลูก ซึ่งเราสรุปมาให้ ดังนี้
1. ช่วงวัยแรกเกิด – 3 ปี
• พาลูกไปสัมผัสธรรมชาติในทุกๆ วัน เช่น พาลูกเข็นรถเข็นไปเดินเล่นในสวน หรือพื้นที่สีเขียวในบริเวณบ้านก็ยังได้
• เปิดโอกาสให้ลูกได้เดินเอาเท้าย่ำน้ำและดินโคลน รวมถึงวิ่งเล่นหรือกลิ้งตัวลงบนพื้นสนามหญ้านุ่มๆ ดูบ้าง
• ถึงแม้จะมีความกังวลเรื่องภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยงหรืออันตรายจากแมลงต่างๆ แต่อย่างน้อยก็ควรปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้และสัมผัสกับสัตว์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รอบตัวบ้าง เช่น ชวนลูกมองว่านกที่กำลังให้อาหารลูกๆ ชี้ให้ลูกเห็นผีเสื้อที่บินเข้าหาดอกไม้ หรือแม้แต่บนพื้นดินก็อาจมีฝูงมดเล็กๆ ที่ลูกควรสังเกตให้ดึก่อนที่จะก้าวเดิน
• อ่านหนังสือนิทานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของสัตว์ให้ลูกฟัง
2. ช่วงวัย 4–7 ปี
• พาลูกไปสัมผัสรูปรสกลิ่นเสียงของธรรมชาติ ในสถานที่ใหม่ๆ มากขึ้น อาจลองชวนให้ลูกสังเกตและตั้งคำถามว่าดอกไม้ ต้นไม้ แต่ประเภทมีกลิ่นและสีแตกต่างกันอย่างไร
• กระตุ้นให้ลูกสังเกตและใส่ใจสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติใกล้ตัว เช่น สำรวจดูว่าในบริเวณบ้านมีต้นไม้อะไรบ้าง ต้นไหนมีแมลงชนิดไหน นกชอบบินผ่านมาเวลาไหน เพื่อปลูกฝังนิสัยการมองเห็นและเข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลก
• เริ่มสอนลูกให้มีความเห็นอกเห็นใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมากขึ้น เช่น ฝึกให้ลูกปลูกต้นไม้และมอบหน้าที่ให้ลูกคอยดูแลรดน้ำทุกวัน สอนให้ลูกรู้ว่าการไม่ดูแลรักษาอาจทำให้ต้นไม้ตาย และส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้นอย่างไร
3. ช่วงวัย 13 ปีขึ้นไป
• วัยนี้ควรเพิ่มความรู้ความเข้าใจ และสอนให้ลูกตระหนักว่าการใช้ชีวิตของคนเราสามารถทำร้ายและทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง เช่น ชวนลูกสังเกตว่าแต่ละวันลูกทำให้เกิดขยะพลาสติกในบ้านมากแค่ไหน และลองตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่าจะลดการใช้พลาสติกให้น้อยลงร่วมกันได้
• ให้ลูกมีส่วนร่วมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมในภาพรวม เช่น ประโยชน์ของการแยกขยะ เข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครทางสังคมและสิ่งแวดล้อม และสามารถถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจของตัวเองให้คนอื่นได้
• สอนให้ลูกศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก เช่น การสูญเสียความหลากลายทางชีวภาพที่เกิดจากการสูญพันธุ์ของพืชและสัตว์ทั่วโลก หรือปัญหา climate change ว่าสามารถส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ได้อย่างไร
COMMENTS ARE OFF THIS POST