ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ (ปี 2563) ระบุว่าเด็กและเยาวชนไทยมีสถิติการใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากกว่าที่สถิติโลกบันทึกว่าไม่ควรเกิน 16 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่เด็กไทยใช้เวลามากถึง 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (ที่มา)
และยิ่งในช่วงเวลาที่เด็กๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน ต้องเล่นและเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน ส่วนคุณพ่อคุณแม่หลายคนก็กำลัง work from home เช่นกัน ทำให้เด็กบางคนต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากขึ้นเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใช่เพื่อเรียนออนไลน์ ก็อาจจะมีบ้างที่คุณพ่อคุณแม่ต้องยอมหยิบยื่นโทรศัพท์มือถือหรือแท็ปเล็ตให้ลูก เพื่อใช้ หน้าจอ ซื้อเวลาให้ลูกทำอะไรสักอย่างมากขึ้น
แต่คุณพ่อคุณแม่จะดูแลการใช้หน้าจอของลูกให้เหมาะสม ไม่ให้ลูกเป็นเด็กที่ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไปได้อย่างไร ลองนำ 4 วิธีเหล่านี้ไปปรับใช้กันนะคะ
1. สอนให้ลูกรู้ลิมิตของการใช้
ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต หรือให้ลูกอยู่กับหน้าจอ คุณพ่อคุณแม่ต้องสร้างข้อตกลงพื้นฐาน เช่น อนุญาตให้ลูกเล่นได้ไม่เกินกี่นาที หรือดูคลิปต่อเนื่องได้กี่คลิป แล้วลูกต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น โดยข้อตกลงควรมีการกำหนดบทลงโทษหากลูกไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ เช่น หากหมดเวลาแล้วลูกไม่หยุดเล่น ก็จะโดนลดเวลาในวันถัดไปได้
2. ชวนลูกเคลื่อนไหวร่างกายและเปลี่ยนอิริยาบทบ่อยๆ
คุณพ่อคุณแม่ควรชวนให้ลูกทำกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ไม่ปล่อยให้ลูกนั่งหรือนอนดูหน้าจอเฉยๆ เป็นเวลานาน และอาจจะชวนลูกทำกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายหลังจากดูการ์ตูนหรือเล่นเกมเสร็จ เช่น ออกไปปั่นจักรยานหน้าบ้าน เดินเล่น หรือเข้าครัวทำอาหาร เพื่อไม่ให้ลูกติดนิสัยนั่งจมจ่อมอยู่กับหน้าจอนานเกินไป
3. คุณพ่อคุณแม่ไม่ติดจอให้ลูกเห็น
จะห้ามไม่ให้ลูกอยู่กับหน้าจอนานเกินไป คุณพ่อคุณแม่ก็ควรทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น เช่น ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ไม่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใช้บ่อยๆ หรือนอนเล่นโทรศัพท์ต่อหน้าลูก เพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่เองก็มีพฤติกรรมใช้หน้าจอที่ไม่ดีแล้ว เวลาไปห้ามลูก ลูกก็อาจจะต่อต้านและไม่เชื่อฟังได้
4. ตั้งรหัสผ่านการเข้าใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ
เพื่อไม่ให้ลูกน้อยใช้เวลาที่คุณพ่อคุณแม่เผลอ หยิบโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ที่มีหน้าจอมาเล่นเองโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะอาจทำให้ลูกสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ไม่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก การตั้งรหัสผ่านไม่ให้ลูกรู้ เพื่อช่วยเพิ่มขั้นตอนให้ลูกไม่สามารถเข้างานอุปกรณ์ดังกล่าวได้โดยง่าย และจำเป็นต้องขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ก่อนทุกครั้ง
COMMENTS ARE OFF THIS POST