คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่หลายคนเข้าใจผิดว่า หากเปลี่ยนการสูบบุหรี่ธรรมดามาเป็นพอตหรือบุหรี่ไฟฟ้า แล้วจะเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยสำหรับลูกเด็กๆ มากขึ้น
แต่ความจริงแล้ว ควันจากบุหรี่ไฟฟ้า สามารถทำลายสุขภาพของลูกได้ ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกภูมิคุ้มกันต่ำ เจ็บป่วยง่าย และยังส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองได้ และงานวิจัยหลายฉบับระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายในระยะสั้นมากกว่าบุหรี่ทั่วไป ทั้งทำให้เจ็บป่วยและเสียชีวิตเร็วขึ้น และยังพบการส่งต่อยีนผิดปกติจากแม่ที่จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าสู่ลูกในครรภ์อีกด้วย
แต่การที่ ควันจากบุหรี่ไฟฟ้า มีกลิ่นที่หลากหลายและไม่รุนแรง ทำให้ผู้คนเข้าใจบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่า แต่ถึงอย่างนั้น บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังคงปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายออกมา เช่น นิโคติน โพรพิลีนไกลคอล ที่ส่งผลต่อระบบหายใจ ระบบภูมิคุ้มกัน และก่อให้เกิดมะเร็งได้
ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ายังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อพัฒนาการเด็กทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายทั้งกับตัวเอง คนรอบข้าง และลูกน้อยแล้วละก็ เราลองทำความเข้าใจเรื่องนี้กันอีกครั้งนะคะ
1. นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เรียนรู้ช้า สมาธิสั้น

นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าจะรบกวนการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการเรียนรู้ ความจำ สมาธิ และอารมณ์ ทำให้ลูกขาดสมาธิ มีความจำสั้น จึงเท่ากับมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูก และยังส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ ทำให้ลูกเป็นเด็กขี้โมโห ก้าวร้าว และอาจนำไปสู่ภาวะวิตกกังวล หรือซึมเศร้าในระยะยาวได้
2. ตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกัน

เด็กที่ได้รับควันจากบุหรี่ไฟฟ้า ก็จะได้รับสารนิโคตินที่รบกวนการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต ทำให้ลูกมีส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ และมีปัญหาเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของกระดูก
นอกจากนี้ สารเคมีอื่นๆ ในบุหรี่ไฟฟ้ายังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ลูกร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อได้ง่าย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้ และโรคหอบหืด
3. ส่งผลต่อพัฒนาการทางภาษา

สารเคมีจากบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำให้หูชั้นในของเด็กเล็กอักเสบได้ ซึ่งส่งผลต่อการได้ยิน จนทำให้ลูกมีปัญหาในการฟังและการเข้าใจภาษา จนทำให้ลูกพูดได้ช้ากว่าเกณฑ์ได้
4. เพิ่มความเสี่ยงโรคร้ายในอนาคต

การที่คุณพ่อคุณแม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายให้ลูกในระยะยาว เช่น โรคปอด โรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
5. สร้างทัศนคติที่ผิดเกี่ยวกับการสูบบุหรี่

สำหรับลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่เปรียบเสมือนฮีโร่และต้นแบบในการใช้ชีวิต หากคุณพ่อคุณแม่สูบบุหรี่ให้ลูกเห็นบ่อยๆ ลูกจะจดจำว่าพฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่ดี และทำตามได้ในอนาคต
แม้การสูบบุหรี่จะไม่ใช่พฤติกรรมที่เลวร้าย แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการสูบบุหรี่ทุกรูปแบบ ล้วนเป็นอันตรายต่อตัวเองและคนรอบข้าง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าใจผิดไปว่า สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไม่เป็นอันตรายต่อลูกนั้นคงต้องรีบเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมให้เร็วที่สุดแล้วล่ะค่ะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST