ลูกกินยาก เป็นหนึ่งในพฤติกรรมของเด็กเล็กที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่กุมขมับและต้องพยายามพิชิตใจลูกด้วยเมนูที่หลากหลาย แต่การกินข้าวพร้อมกันทั้งครอบครัวนี่แหละ ที่จะช่วยกระตุ้นความอยากอาหารให้ลูกได้ และยังทำให้ลูกได้มีช่วงเวลาที่แสนพิเศษร่วมกับคนอื่นในครอบครัวอีกด้วย

จากประสบการณ์การเป็นแม่ ที่ทำงานเขียนด้านอาหารและการเลี้ยงลูกสมัยใหม่ของ Erica Jackson Curran บรรณาธิการอิสระจากรัฐเวอร์จิเนีย ให้ความเห็นว่า การ กินข้าวพร้อมกัน เป็นหนึ่งในเคล็ดลับการเลี้ยงลูกที่สำคัญ เพราะพฤติกรรมการกินที่ดี มีส่วนช่วยส่งเสริมทักษะที่สำคัญต่อชีวิต และสร้างเสริมลักษณะนิสัยที่ดีให้กับลูกได้ตั้งแต่เล็ก ซึ่งประโยชน์ของการกินข้าวพร้อมกัน จะเกิดขึ้นได้ ผ่าน ‘มื้ออาหารเชิงบวก’ ซึ่งหมายถึงการเปิดโอกาสให้ลูกได้มีส่วนร่วม ตั้งแต่การเลือกเมนูอาหาร การซื้อของ การเตรียมอาหาร เลือกอุปกรณ์การกิน หรือแม้แต่เลือกที่นั่งด้วยตัวเอง รวมไปถึงการให้ลูกได้ช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องกับมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นการจัดโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร หรือทำความสะอาดอุปกรณ์ของตัวเอง สิ่งเหล่านี้เป็นทักษะชีวิตที่สำคัญ ช่วยให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง สร้างความผูกพันที่ดีในครอบครัว และทำให้สนุกไปกับมื้ออาหารได้มากขึ้น

เคอร์เรนอธิบายเพิ่มว่า แต่การกินข้าวพร้อมกันอาจไม่มีประโยชน์ ถ้าเด็กๆ ถูกกดดันให้กินอาหาร โดนบังคับขู่เข็ญให้ร่วมโต๊ะอาหาร หรือถูกลงโทษหากกินยากหรือเลือกกิน รวมไปถึงการมีสิ่งรบกวน ไม่ว่าจะเป็น ของเล่น หนังสือนิทาน หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ

แล้วคุณพ่อคุณแม่จะพบว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้ กินข้าวพร้อมกัน มีประโยชน์ต่อการเติบโตของลูกได้อย่างคาดไม่ถึง

1. ลูกได้ซึมซับทัศนคติที่ดีผ่านมื้ออาหารเชิงบวก

     การกินข้าวพร้อมกัน จะช่วยให้ลูกที่เคยเป็นเด็กกินยาก รู้สึกเพลิดเพลินกับบรรยากาศการกินมากขึ้น ลูกจะเรียนรู้การกิน เช่น เด็กๆ เริ่มต้นมองดู ดมกลิ่น และลองใช้มือสัมผัสอาหารก่อนชิมรสชาติ รวมไปถึงเรียนรู้วิธีกินอาหารด้วยช้อนส้อมหรือตะเกียบจากคุณพ่อคุณแม่ เปิดใจให้ผักสีเขียวที่เคยปฏิเสธ เมื่อเห็นคุณปู่คุณย่ากินอย่างเอร็ดอร่อย ตลอดจนได้ซึมซับบรรยากาศและทัศนคติดีๆ ที่ผู้ใหญ่แสดงออกระหว่างกินอาหาร

ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันสุขภาพเด็กสแตนด์ฟอร์ด ระบุว่า การกินข้าวพร้อมหน้ากันเป็นประจำ จะทำให้เด็กรู้สึกมีคุณค่า รู้สึกว่าเป็นที่รัก และสามารถอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นนี้ได้ตลอดเวลา ซึ่งความรู้สึกนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองให้กับลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก

2. ช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสาร

การกินข้าวพร้อมกัน ย่อมมีการพูดคุยระหว่างสมาชิกร่วมโต๊ะ ทำให้ลูกได้เรียนรู้คำศัพท์ และวิธีสื่อสารได้ดีมากขึ้น

ผลการศึกษาในปี 2018 โดย ลินดา ปากานี ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยมอนทรีออล สถาบันอุดมศึกษาด้านการวิจัยแห่งรัฐควิเบก ประเทศแคนาดา ยืนยันว่า การพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างมื้ออาหาร สามารถทำให้เด็กเป็นนักสื่อสารได้ดีมากยิ่งขึ้น

ทุกอย่างเริ่มต้นได้เมื่อลูกยังเล็ก ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็นและความต้องการ ในขณะเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถใช้ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารสอนมารยาทในการกินอาหารร่วมกับคนอื่น สอนเรื่องประโยชน์ของอาหารแต่ละประเภท แนะนำวิธีกินให้อร่อย หรือแม้แต่ชวนลูกพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่เจอในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยพัฒนาการสื่อสารระหว่างสมาชิกในครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น

3. ช่วยทำให้ลูกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

เด็กที่กินข้าวพร้อมกับครอบครัว มีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี อ้างอิงได้จากผลการศึกษาของ ศาสตราจารย์ปากานี ระบุว่า จากการติดตามกลุ่มเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิด จนถึงวัยเด็กในครอบครัวที่มีการกินอาหารร่วมกันเป็นประจำ พบว่า เมื่อเด็กกลุ่มนี้อายุ 6 ขวบ พวกเขาเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมการกินที่ดี และมีสุขภาพดี มีปฏิสัมพันธุ์ทางสังคมที่ดี และมีผลเชิงบวกมากยิ่งขึ้นในช่วงอายุ 10 ขวบขึ้นไป

ใกล้เคียงกับผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Pediatrics วารสารทางการแพทย์นานาชาติ ด้านการพัฒนางานวิจัยในเด็กและแนวทางปฏิบัติสำหรับกุมารแพทย์ประเทศ พบว่า ครอบครัวที่กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นประจำ มีโอกาสทำให้เด็กๆ โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น มีสุขภาพดีและไม่เป็นโรคอ้วน สรุปได้ว่า ครอบครัวมีส่วนช่วยกำหนดปริมาณอาหารในแต่ละสัปดาห์ เพื่อปกป้องไม่ให้ลูกมีน้ำหนักมากเกินไปจนใช้ชีวิตได้ลำบากในอนาคต

จากข้อมูล มีความเป็นไปได้ว่า เป็นเพราะตอนยังเล็ก เด็กๆ สามารถสื่อสารเรื่องการกินอย่างตรงไปตรงมากับคุณพ่อคุณแม่ได้ ทั้งในเรื่องปริมาณที่อาหารที่พอดีกับความต้องการ และเรียนรู้ที่จะหยุดกินเมื่ออิ่ม แทนที่จะโดนบังคับให้กินจนหมด ซึ่งนี่คือสิ่งสำคัญของการกินอาหารเพื่อการมีสุขภาพที่ดี

4. ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิตใจ

ปัญหาเรื่องลูกกินยากจะกลายเป็นเรื่องเล็ก เพราะในอนาคตลูกย่อมมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นให้คุณพ่อคุณแม่ต้องรับมือ

ผลงานวิจัยของกลุ่มนักวิจัยชาวแคนาดาเมื่อปี 2015 ระบุว่า เด็กๆ ที่กินข้าวพร้อมกับครอบครัวเป็นประจำ จะลดปัญหาการใช้สารเสพติด การดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงสามารถยับยั้งพฤติกรรมรุนแรง และการคิดฆ่าตัวตายในวัยรุ่นได้

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน JAMA Pediatrics วารสารทางการแพทย์โดย American Medical Association สมาคมวิชาชีพแพทย์และนักศึกษาแพทย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า วัยรุ่นที่กินมื้อเย็นกับครอบครัว สัปดาห์ละ 4 ครั้งขึ้นไปจะมีโอกาสยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดน้อยมาก รวมถึงมีโอกาสที่จะเกิดภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล ที่เป็นผลมาจากการถูกรังแกน้อยลงไปด้วย เหตุผลสำคัญก็มาจากการมีช่วงเวลาที่ดีในการสื่อสารระหว่างเด็กและผู้ปกครอง รวมถึงการได้รับคำแนะนำเพื่อป้องกันปัญหา หรือวิธีการแก้ไขที่ได้รับระหว่างการกินข้าวพร้อมกันนั่นเอง

อ้างอิง
thenourishedchild
parents
potage