โรคลมชักในเด็ก เป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับลูกโดยไม่ทันตั้งตัว คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตอาการและสัญญาณเตือนจากลูก เช่น ลูกชอบเกร็งตัว หรือมีอาการเกร็งกระตุกเฉพาะที่หรือไม่
แต่ทั้งนี้ อาการทั้งสองอย่างอาจไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าลูกเป็นโรคลมชักเสมอไป
สาเหตุของ โรคลมชักในเด็ก
โรคลมชักเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นประจุไฟฟ้าในสมองที่ทำงานผิดปกติ หรือสมองเสียหายจากอาการบาดเจ็บ ติดเชื้อในสมอง ภาวะสมองขาดเลือด จนไปถึงการเกิดเนื้องอกในสมอง
โรคลมชัก อาจเป็นอุปสรรคและส่งผลต่อการใช้ชีวิตของลูกหลายด้านตั้งแต่ด้านการเรียนรู้ อย่างการมีพัฒนาการช้า สมาธิสั้น มีผลต่อความจำ ทักษะการอ่านและการคิดคำนวณ ในด้านอารมณ์อย่างการหงุดหงิดง่าย ลูกกลายเป็นเด็กขี้วิตกกังวล มีอาการซึมเศร้า จนไปถึงการมีพฤติกรรมก้าวร้าวเพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ซึ่งมีผลกระทบต่อการเข้าสังคมของลูกเป็นอย่างมาก
เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่รู้เท่าทันและสามารถรับมือกับโรคลมชักของลูกได้ทันท่วงที เราจึงนำวิธีการสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคลมชักในเด็กมาฝากค่ะ
1. กล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง

กล้ามเนื้อกระตุกเกร็งเกิดขึ้นได้หลายแบบ ตั้งแต่กระตุกเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เกิดขึ้นซ้ำๆ อยู่ที่เดิม และการกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อทั้งตัว ทำให้ระหว่างการเกิดอาการ ลูกจะไม่สามารถทรงตัวให้ยืนหรือนั่งตามปกติ จะมาอาการล้มลง ไม่ได้สติตาค้าง ไม่สามารถกลืนน้ำลาย และอาจเกร็งจนเกิดการกัดลิ้นตัวเองได้
2. เหม่อลอยและพึมพำ

การชักแบบเหม่อลอยมีอยู่สองลักษณะ อย่างแรกคือการเหม่อลอยแบบหยุดนิ่งและมองข้างหน้าไปอย่างไร้จุดหมายประมาณ 2-3 วินาที แต่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยไม่มีการขยับตัว อย่างที่สองคือการเหม่อลอยแบบพูดพึมพำกับตัวเอง ทำปากขมุบขมิบ เหมือนเคี้ยว หรือมีอาการเกร็งมือและขยับมือขยับไปมา โดยที่ลูกมักจะไม่รู้ตัวว่ากำลังมีอาการแบบนี้
3. การนอนที่ผิดปกติ

นอกจากการชักหรือเกร็ง หากลูกนอนเป็นเวลานานหรือนอนเยอะผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตว่าการนอนเยอะมาจากสาเหตุอะไร หากลูกง่วงนอนตลอดเวลา นอนเยอะจนเกินไป และหงุดหงิดทุกครั้งหลังตื่นนอน อาจเป็นอีกสัญญาณเตือนของโรคนี้ด้วยค่ะ
4. ปวดท้องกะทันหัน

โรคลมชักเกิดจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบอื่นๆ ในร่างกายด้วย เช่น ระบบกระเพาะอาหาร ลูกอาจปวดท้องกะทันหันบ่อยครั้ง หรือรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน และมักมีอาการมึนงงหรือง่วงนอนตามมาด้วย
5. สับสนในคำพูดของตัวเอง

คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตวิธีการพูดของลูก เช่น ลูกพูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่เข้าใจ คำและประโยคไม่ประติดประต่อกัน หรือระหว่างพูดลูกมีอาการมึนงงในสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารกับพ่อแม่ นอกจากนี้การไม่ตอบสนองต่อเสียงหรือคำพูดขณะที่คุยกับผู้อื่น ก็เป็นสัญญาณเกี่ยวกับโรคลมชักได้
COMMENTS ARE OFF THIS POST