อาการผื่นแดงบนผิวหนังของลูกวัยทารก อาจนำมาซึ่งความกังวลและไม่สบายใจให้คุณพ่อคุณแม่ได้ เพราะอาการผื่นแดงตามผิวหนังเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศเป็นพิษ แพ้สารเคมีจากเสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้ แต่อาการแพ้ที่ส่งผลชัดเจนและรุนแรงสำหรับทารกมากที่สุดก็คือ แพ้อาหารผ่านน้ำนมแม่
โดยธรรมชาติแล้ว น้ำนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกเป็นอย่างมาก คุณแม่จึงไม่จำเป็นต้องลังเลใจเลยที่จะให้ลูกน้อยกินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด แต่ถึงอย่างนั้น ภาวะ แพ้อาหารผ่านน้ำนมแม่ คือ ปฏิกิริยาต่อต้านน้ำนมแม่ที่ส่งผลต่อร่างกายของทารก เพราะแพ้อาหารบางอย่างที่คุณแม่กินเข้าไป ทำให้ลูกจะได้รับสารอาหารเหล่านั้นผ่านการกินน้ำนมแม่ไปด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ ช่วงเวลาที่คุณแม่ให้ลูกกินนมแม่ ไม่ว่าคุณแม่จะกินอะไร ลูกก็จะได้กินสิ่งนั้นไปด้วยเช่นกัน
งานวิจัยจาก The American Academy of Pediatrics (AAP) เผยว่า ภาวะ แพ้อาหารผ่านน้ำนมแม่ สามารถเกิดขึ้นได้ในอัตราส่วนร้อยละ 2-3 ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นได้ยาก แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทารกจะแสดงอาการแพ้ออกมาอย่างชัดเจน ดังนี้

– อาการทางผิวหนัง: เกิดผื่นแดงคัน ลมพิษ ตาบวม ปากบวม
– อาการทางระบบทางเดินอาหาร: อาเจียน ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูกเลือด
– อาการทางระบบทางเดินหายใจ: หายใจมีเสียงวี้ด เหนื่อยหอบ หากมีอาการแพ้ขั้นรุนแรง อาจมีความดันต่ำ หรืออาการช็อกได้
และอาหารที่พบว่าทารกมักมีอาการแพ้บ่อยๆ ได้แก่
– ถั่วชนิดต่างๆ โดยเฉพาะถั่วเหลืองและถั่วลิสง
– อาหารที่มีส่วนผสมของแป้งสาลี
– อาหารประเภทไข่
– อาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้ง
– อาหารที่มีส่วนประกอบของนมวัว
เมื่อคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีอาการเข้าข่ายภาวะแพ้อาหารผ่านน้ำนมแม่ ก็จำเป็นต้องมีวิธีการรับมืออย่างเป็นขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อคุณพ่อคุณแม่เริ่มสังเกตเห็นอาการแพ้เบื้องต้นของลูก เช่น มีผื่นแดงขึ้นตามใบหน้า ถ่ายเหลว กินนมแม่น้อยลง ควรรีบปรึกษาแพทย์ก่อนที่อาการแพ้จะลุกลามและรุนแรงขึ้น
โดยคุณหมอจะตรวจอาการหรือทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่รู้ในเบื้องต้นว่าอาการแพ้ของลูกเกิดจากอาหารประเภทใดบ้าง
2. จดบันทึกอาหารที่คุณแม่กินและสังเกตอาการที่ลูกแสดงออก

ช่วง 9 เดือนแรกของทารก เป็นช่วงที่ระบบต่างๆ ในร่างกายทารกกำลังพัฒนา เมื่อลูกได้รับสารอาหารแปลกใหม่เข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้น คุณแม่จึงควรจดบันทึกรายการอาหารที่คุณแม่กินในแต่ละมื้อ และสังเกตอาการที่เกิดขึ้นกับลูกหลังการกินนมแม่ เพื่อการป้องกันไม่ให้คุณแม่กินอาหารที่ลูกแพ้ซ้ำเข้าไปอีก และยังช่วยให้คุณแม่เลือกกินอาหารที่ปลอดภัยกับลูกได้ง่ายขึ้น
3. งดอาหารทั้งหมดที่เสี่ยงต่อการแพ้

เมื่อคุณแม่รู้แล้วว่าลูกแพ้อาหารชนิดใดบ้าง คุณแม่ควรงดกินอาหารเหล่านั้นในขณะที่ให้นมลูก หรือแม้แต่อาหารที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้ เช่น ถั่ว นมวัว ไข หรืออาหารทะเล โดยเริ่มจากการงดอย่างเด็ดขาดประมาณ 3 สัปดาห์ แล้วจึงค่อยกลับมาเริ่มกินทีละน้อย ทีละอย่าง เพื่อสังเกตอาการของลูกให้แน่ใจว่าลูกมีปฏิกิริยาต่อต้านกับอาหารที่คุณแม่เริ่มกินในช่วงเวลานั้นๆ หรือไม่
4. ปรับเปลี่ยนอาหาร ลดความเครียด

การต้องงดอาหารจานโปรด ในเวลาที่ลูกยังเล็ก และการเลี้ยงดูเต็มไปด้วยความยากลำบาก อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้คุณแม่เกิดวิตกกังวล และความเครียดสะสม ดังนั้นการมองหาเมนูอาหารสร้างสรรค์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ สำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมลูก จะช่วยให้คุณแม่ได้ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงภาวะแพ้อาหารผ่านน้ำนมแม่แล้ว ยังช่วยเพิ่มความสุขในการกินให้กับคุณแม่ไปด้วยค่ะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST