ทำไมรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยพยายาม ไม่กล้า และไม่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ?!

1. พูดให้พลังบวกกับลูก

ในเวลาที่ลูกทำอะไรไม่สำเร็จ และเริ่มคิดว่าสิ่งนั้นยากเกินไป ยังไงตัวเองก็คงไม่มีทางทำได้แล้ว คำพูดเชิงบวกจากพ่อแม่จะช่วยเป็นพลังงานและกำลังใจที่ดี ทำให้ลูกมีแรงบันดาลใจที่จะลองทำอีกครั้ง เช่น ลูกหัดปั่นจักรยานแล้วล้มบ่อยจนรู้สึกท้อและคิดว่าตัวเองคงจะทำไม่ได้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ให้กำลังใจ และบอกกับลูกว่านี่คือขั้นตอนเรียนรู้การปั่นจักรยาน วันนี้ยังปั่นไม่ได้ แต่ถ้าลูกพยายามต่อไปเรื่อยๆ ก็ต้องมีวันที่ลูกทำได้แน่

2. สังเกตว่าสิ่งที่ลูกทำยากเกินไปจริงๆ หรือเปล่า

บางครั้ง การที่ลูกยอมแพ้และล้มเลิกอะไรง่ายๆ อาจเป็นเพราะว่าสิ่งที่ลูกกำลังเผชิญนั้นยากเกินไปสำหรับช่วงวัยของเขา ที่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถทำได้อยู่ดี

ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจให้ความช่วยเหลือลูกด้วยการลดทอนหรือย่อยสิ่งนั้นออกมาเป็นขั้นตอนเล็กๆ ค่อยๆ ให้ลูกเรียนรู้จากขั้นตอนที่ง่ายที่สุดและค่อยๆ ยากขึ้นตามลำดับ เพื่อให้ลูกไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะทำสิ่งนั้นได้ แต่ว่าต้องค่อยๆ เรียนรู้ไปตามขั้นตอนต่างหาก

3. มีทางเลือกให้ลูกบ้าง

การให้ลูกได้เลือกทำในสิ่งที่อยากทำ จะช่วยทำให้ลูกมีกำลังใจและมีความพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งนั้นมากกว่าการให้ลูกทำตามใจคุณพ่อคุณแม่

แต่ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ลูกอยากทำ ก็อาจจะไม่ได้ง่ายและราบรื่น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยสนับสนุน ให้กำลังใจ และให้ความช่วยเหลือเมื่อลูกต้องการได้เสมอ

4. รับฟังและให้คำปรึกษากับลูก

ลูกอาจจะรู้สึกเสียใจและผิดหวังในตัวเอง เมื่อทำอะไรไม่สำเร็จหรือพยายามแล้วก็ยังล้มเหลว

ดังนั้น นอกจากการให้กำลังใจและคำพูดเชิงบวกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรทำหน้าที่ผู้ฟังด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกได้ระบายความรู้สึกหรือความผิดหวังของตัวเองออกมา และคอยให้คำปรึกษาว่าลูกควรทำอย่างไรต่อ เพื่อแก้ไขหรือพัฒนาตัวเองต่อไป เพื่อให้ลูกไม่รู้สึกว่าต้องพยายามอย่างโดดเดี่ยว แต่ยังมีคุณพ่อคุณแม่คอยรับฟังและให้คำปรึกษาเสมอ

อ้างอิง
afineparent
playfulnotes
greatschools