READING

เข้มแข็งอย่าง ‘เกรต้า ธันเบิร์ก’ ก็เคยถูกการบูลลี่...

เข้มแข็งอย่าง ‘เกรต้า ธันเบิร์ก’ ก็เคยถูกการบูลลี่ทำร้ายอย่างหนักมาแล้ว

เกรต้า ธันเบิร์ก (Greta Thunberg) เด็กสาวสวีเดนวัย 16 ปี ที่ใครหลายคนรู้จักและคุ้นเคยชื่อของเธอในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่พยายามเดินหน้าต่อสู้กับปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Climate Change) 

และเมื่อเกรต้ามีโอกาสขึ้นเวทีเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมของสหประชาชาติ (กันยายน 2019) ท่าที น้ำเสียง และแววตาอันมุ่งมั่นของเธอทำให้ชื่อเกรต้า ธันเบิร์ก กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มตัว จนเกิดเป็นกระแสพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์เด็กสาวคนนี้ในวงกว้าง

แม้บทบาทที่เป็นฉากหน้าของเกรต้า ธันเบิร์ก จะดูเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว และพร้อมที่จะต่อสู้กับปัญหาใหญ่ระดับโลกอย่างไม่ย่อท้อ แต่อีกด้านหนึ่งเธอก็ยังคงเป็นเด็กสาวที่ต้องต่อสู้กับปัญหาของตัวเองและคนใกล้ตัว

มาเลน่า เอิร์นแมน (Malena Ernman) คุณแม่ของเกรต้าได้ตัดสินใจเขียนหนังสือถึงช่วงชีวิตที่เกรต้ามีปัญหาทางจิตใจเพราะถูกบูลลี่จากเพื่อนที่โรงเรียนอย่างหนักมาก่อน

ลูกสาวคนโตของนักร้องโอเปร่าและนักแสดง

GretaThunberg_web_1

เกรต้า ธันเบิร์ก เป็นลูกสาวคนโตของคุณแม่นักร้องโอเปร่า—มาเลน่า เอิร์นแมน  และคุณพ่อนักแสดง—สวานเต ธันเบิร์ก (Svante Thunberg) เป็นครอบครัวที่อาศัยอยู่ในประเทศสวีเดน หลังจากมีเกรต้าได้สามปี ครอบครัวธันเบิร์กก็มี เบต้า ธันเบิร์ก (Beata Thunberg) เป็นลูกสาวคนต่อมา

มาเลน่าบอกว่าชีวิตครอบครัวของเธอเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุขดีมาตลอด

เกรต้าไม่หัวเราะ ไม่เล่นเปียโน และไม่กินอาหาร

GretaThunberg_web_2

จนกระทั่ง เธอเริ่มสังเกตว่าเกรต้าในวัย 11 ปี เธอเริ่มเป็นเด็กหญิงที่ร้องไห้บ่อย และเริ่มร้องทุกวัน ร้องตั้งแต่ก่อนนอน ระหว่างทางไปโรงเรียน หรือระหว่างวันที่โรงเรียน คุณครูก็ต้องโทร. เรียกให้คุณพ่อมารับเกรต้ากลับบ้านก่อนเวลา

ครอบครัวเริ่มรู้สึกได้ว่าเกรต้ากำลังค่อยๆ สูญเสียตัวตน เธอไม่ร่าเริง ไม่ค่อยกินอาหาร ไม่หัวเราะ และไม่เล่นเปียโนเหมือนก่อน

จนพ่อของเธอตัดสินใจยกเลิกงานแสดงทุกอย่าง เพื่อทุ่มเทเวลาให้เกรต้า และพยายามทำให้เธอกลับมาเป็นลูกสาวที่ร่าเริงเหมือนเดิม

สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น

GretaThunberg_web_3

นอกจากสภาวะจิตใจของเกรต้าจะกระท่อนกระแท่นเต็มที นิสัยการกินอาหารของเธอก็เปลี่ยนไปมาก เธอกินอะไรไม่ได้ นอกจากข้าว อะโวคาโด และเส้นพาสต้าไม่กี่คำเท่านั้น ภายในเวลาสองเดือน เกรต้า น้ำหนักตัวลดลงไปถึง 10 กิโลกรัม

นั่นทำให้อุณหภูมิร่างกายของเกรต้าอยู่ในระดับต่ำ ชีพจรและความดันโลหิตบ่งบอกถึงภาวะขาดอาหารอย่างเห็นได้ชัด เกรต้าไม่มีแรงแม้กระทั่งจะเดินขึ้นบันได ส่วนสภาพจิตใจก็บอบช้ำ หดหู่ และดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าพ่อแม่จะพยายามขอร้อง อ้อนวอน หรือดุด่าเพื่อให้เธอยอมกินอาหาร แต่ก็ไม่ได้ผล

การปรึกษาจิตแพทย์ในโรงเรียนของเกรต้า จึงเป็นความหวังเดียวที่จะพ่อแม่จะเข้าใจได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในใจของเธอ

แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม (Asperger Syndrome)

GretaThunberg_web_4

จิตแพทย์ในโรงเรียนผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะออทิสติกบอกว่า เกรต้ามีสัญญาณบางอย่างที่จะเป็นอาการของกลุ่มโรคออทิสติกอย่างแอสเพอร์เกอร์และโรคย้ำคิดย้ำทำ

ก่อนจะวินิจฉัยว่าเกรต้าป่วยด้วยโรคดังกล่าวจริงในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ครอบครัวของเธอต้องปรับตัวกันครั้งใหญ่

เกรต้าเปิดใจว่าเธอถูกบูลลี่ในโรงเรียน

GretaThunberg_web_5

เกรต้าร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เมื่อเธอเริ่มเปิดใจเล่าให้พ่อแม่ฟังว่าตัวเองถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งและรังแกสารพัด โดยที่เธอทำได้เพียงหลบไปซ่อนตัวในห้องน้ำหรือที่ที่ไม่มีใครเห็น ซึ่งนั่นก็คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้สภาพจิตใจของเธอแย่ลงเรื่อยๆ

แต่เมื่อพ่อแม่ตัดสินใจบอกคุณครูที่โรงเรียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลับไม่ได้รับความเข้าใจและช่วยเหลือจากโรงเรียนเท่าที่ควร พ่อแม่ของเกรต้ารู้สึกว่าโรงเรียนดูเหมือนจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของเกรต้าเท่าไรนัก พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจ และมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเกรต้า เพราะเด็กนักเรียนหลายคนพูดเหมือนกันว่าเกรต้าชอบทำตัวแปลก พูดเสียงเบา และไม่เคยทักทายใคร ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ครอบครัวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนต้องย้ายโรงเรียนให้เกรต้าในที่สุด

เด็กสาวผู้เดินหน้าสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มตัว

GretaThunberg_web_6

ที่โรงเรียนใหม่ของเกรต้า วันหนึ่งคุณครูเปิดภาพยนตร์เกี่ยวกับขยะในมหาสมุทร เกาะพลาสติกในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ ให้นักเรียนดู ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกรต้ามองเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อม และเธอไม่สามารถเลิกคิดเกี่ยวกับมันได้

หลังจากนั้น เกรต้าก็เริ่มพูดถึงและรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง รวมถึงเคยหนีเรียนเพื่อไปนั่งประท้วงอยู่หน้ารัฐสภาสวีเดน เพื่อให้รัฐเห็นความสำคัญของปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป

สิ่งที่เธอทำได้รับความสนใจและสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่ก็ใช่ว่าครอบครัวจะเห็นด้วยกับเธอทั้งหมด พ่อของเกรต้าเคยพยายามไปพูดไกล่เกลี่ยให้เธอกลับบ้าน หลังจากเห็นว่าเธอเริ่มไปเข้าร่วมกับนักกิจกรรมคนอื่นๆ มากเกินไป จนครอบครัวกลัวว่าเธอจะแบกรับสภาวะอารมณ์และความคิดของคนอื่นๆ ไม่ไหว แต่แน่นอนว่าไม่มีใครหยุดเกรต้าได้

จนถึงทุกวันนี้ เกรต้าเด็กสาวที่เคยถูกเพื่อนในโรงเรียนบูลลี่มาอย่างแสนสาหัส ก็ยังคงทำตามความตั้งใจของตัวเองต่อไป

อ้างอิง
theguardian
guardian

Anittha R

หลงรักธรรมชาติของความเป็นเด็ก ชอบดูหนัง ชอบหนังสือนิทาน รักการเลี้ยงต้นไม้ และใฝ่ฝันอยากทำสวนกระบองเพรชที่มีดอกเยอะๆ

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST