ถึงแม้จะพยายามทำตัวเป็นคุณแม่อารมณ์ดีและใจเย็นมากแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่า บางครั้งพฤติกรรมของเจ้าตัวแสบก็ไม่เอื้ออำนวยให้คุณแม่รักษาภาพลักษณ์คุณแม่แสนหวานต่อหน้าลูกเอาไว้ได้
เราเข้าใจดีว่า คุณแม่ทุกคนก็ต้องเคยตกอยู่ในสถานการณ์ควันออกหู และหันไปตวาดแว้ดใส่ลูกมาแล้ว และไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เมื่อคุณแม่อารมณ์เย็นลงแล้ว เราอยากให้คุณแม่ไม่ลืมที่จะนึกถึง 4 สิ่งที่ควรทำ หลังจากเผลอทิ้งระเบิดวี้ดบึ้มใส่ลูกไปแล้ว ดังนี้
1. อย่าลืมขอโทษลูก
การเอ่ยปากขอโทษลูกทุกครั้งที่คุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ก็พอจะช่วยเยียวยาจิตใจลูกจากน้ำเสียงหรือคำพูดแรงๆ ที่คุณเพิ่งทำลงไปได้บ้าง และอย่างน้อยก็ทำให้ลูกรู้ว่าคุณยังคงเป็นห่วงความรู้สึกเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนทำให้คุณต้องโมโหก็ตาม
2. อย่าทิ้งให้ลูกอยู่คนเดียวนานเกินไป
คุณอาจจะโมโหจนจำเป็นต้องขอแยกตัวออกจากสถานการณ์ตรงหน้า แต่เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว อย่าปล่อยให้ลูกต้องอยู่กับความรู้สึกไม่ดีและความไม่เข้าใจในการกระทำของคุณนานเกินไป
เด็กที่ถูกปล่อยให้คลางแคลงใจในความรักของคุณพ่อคุณแม่บ่อยครั้ง จะยิ่งเกิดเป็นความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่มั่นใจในความรักของคุณพ่อคุณแม่ อาจจะยิ่งมีพฤติกรรมดื้อและก้าวร้าวมากขึ้นไปด้วย
3. กลับมาพูดคุยด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดา
ถึงแม้ความโกรธจะยังไม่หายไป ความโมโหก็ยั่งคุกรุ่นอยู่ในใจ แต่เมื่อได้สติและต้องการที่จะคุยกับลูกด้วยเหตุผล คุณแม่ควรใช้น้ำเสียงและวิธีการพูดคุยอย่างเป็นปกติ ไม่ใช้น้ำเสียงตำหนิต่อว่า ไม่พูดจาเหน็บแนม หรือแม้แต่บ่นเรื่องเดิมซ้ำๆ หลายครั้ง เพราะนอกจากจะไม่ทำให้บรรยากาศดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ลูกรู้สึกเครียดและกดดันตามไปด้วย
4. อย่าโทษตัวเอง
คุณแม่ส่วนมากจะรู้สึกผิดที่เผลอระเบิดอารมณ์ใส่ลูก จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่คุณแม่ควรเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนย่อมทำผิดพลาด เมื่อเรียนรู้ความผิดพลาดนั้นแล้ว ก็หาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เช่น หาจุดอ่อนของตัวเองว่าจะอารมณ์เสียง่ายๆ กับเรื่องอะไรบ้าง และพยายามเลี่ยงสถานการณ์ที่จะทำให้คุณต้องขาดสติ
ลองนึกถึงสี่ข้อนี้ทุกครั้งที่เผลอหัวร้อนใส่ลูก และขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกคนผ่านช่วงเวลาหัวร้อนไปได้ด้วยดี
อ้างอิง
Thestandard
ขอบคุณข้อมูลจากการสัมภาษณ์อาจารย์พิมพ์มาศ ตาปัญญา อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
COMMENTS ARE OFF THIS POST