READING

คุยกับคุณแม่ไทยในต่างประเทศ ที่ไหนรับมือ #COVID19 ...

คุยกับคุณแม่ไทยในต่างประเทศ ที่ไหนรับมือ #COVID19 อย่างไรกันบ้าง (สหรัฐอเมริกา)

วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้คุณพ่อคุณแม่แทบจะทั่วโลก ต่างต้องเผชิญสถานการณ์เดียวกัน คือ ลูกออกไปโรงเรียนไม่ได้ ตัวเองก็ออกไปทำงานก็ไม่ได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ น่าจะทำให้พ่อแม่ทั่วโลกมีความรู้สึกร่วมกันคือ เงินก็ต้องหา งานก็ต้องทำ โรคก็ต้องหวั่นใจ เรื่องลูกก็ต้องรับมือ มีใครให้มากกว่านี้อีกไหม

M.O.M จึงไปลองถามไถ่คุณแม่ชาวไทยในประเทศต่างๆ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง หนักหน่วงแค่ไหน รับมือไหวหรือเปล่า และได้รับความช่วยเหลือดูแลจากประเทศนั้นๆ อย่างไร เด็กๆ ได้รับผลกระทบแค่ไหน และที่สำคัญก็คือ คุณแม่ยังไหวไหม บอกมา…

และไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก M.O.M ก็ขอส่งกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกบ้าน มีเรี่ยวแรงที่จะรับมือกับทุกปัญหาที่เข้ามา มีพลังมากมายในการดูแลเด็กๆ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อให้พวกเราทุกคนผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ไปได้อย่างปลอดภัยทุกบ้านเลยค่ะ

ฮูสตัน, อเมริกา

แม่น้ำส้ม-สุภานันท์
เขียน (2 ขวบครึ่ง) ขีด (7 เดือน)

Q: สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ที่ฮูสตันสถานการณ์กำลังหนักขึ้นเรื่อยๆ คือมีคำสั่งให้ทุกคนอยู่บ้านมาได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์แล้ว จะออกจากบ้านได้เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น สนามเด็กเล่นปิด ซูเปอร์ฯ ยังเปิด แต่ลดชั่วโมงลง ร้านอาหารตอนนี้มีบริการแค่ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว แล้วที่นี่ไม่ค่อยมีเดลิเวรี่ด้วย ไม่สะดวกเท่าที่กรุงเทพฯ ร้านอาหารหลายร้านมีการขอทิปส์เพิ่ม บางร้านขอค่าแพ็กเกจจิ้งเพิ่มด้วย

วันแรกที่มีการประกาศ คนก็แตกตื่นเลย ทุกซูเปอร์ฯ คนแน่น แถวยาวเหยียด กระดาษชำระหมดเกลี้ยง สบู่หมดเกลี้ยง เจลล้างมือหมดเกลี้ยง คงเป็นเหมือนกันทั้งโลกมั้ง

ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มปกติแล้ว แต่ว่าพวกสเปรย์ฆ่าเชื้อยังคงหาซื้อไม่ได้ และนอกจากเรื่องโรคที่ก็น่ากังวลอยู่แล้ว ก็เริ่มมีเรื่องการเหยียดชาติพันธุ์ที่หนักขึ้น เพราะคนฝรั่งคิดว่าคนเอเชียโดยเฉพาะที่ดูจีนๆ คือต้นเหตุของโควิด ก็มีการโดนทำร้ายทั้งทางร่างกายและทางคำพูด สีหน้าท่าทางอยู่เรื่อยๆ ญาติเพื่อนเราโดนเอาหัวโขกรั้ว แล้วที่ซูเปอร์ฯ ในเมืองใกล้ๆ เราก็มีเด็ก 2 ขวบ กับ 6 ขวบโดนแทง แบบ… เฮ้อ… แค่โรคระบาดก็ประสาทเสียมากแล้ว ยังจะเกลียดกันอีกเหรอ เราเลยต้องป้องกันตัวด้วยการพกสเปรย์พริกไทยถ้าต้องไปไหนมาไหน

Q: รัฐช่วยเหลืออะไรบ้างไหม

หลักๆ ที่สำคัญและดีมากคือตรวจโควิดฟรีทุกคนรวมถึงคนต่างชาติด้วย ส่วนคนที่ตกงานลงทะเบียนขอความช่วยเหลือจากรัฐได้ แล้วก็มีเงินแจกผู้ใหญ่คนละ $1200 เด็กคนละ $500 แต่เขาแจกจะคนที่เดือดร้อนมากๆ ก่อน

Q: เด็กๆ ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง

ตามกฎของที่นี่ ในช่วงวิกฤติแบบนี้ Day care ยังสามารถเปิดได้เพราะต้องการช่วยเหลือพ่อแม่ ที่โรงเรียนของลูกให้ทางเลือกมา 3 อย่าง คือ 1.ไปเรียนตามปกติจ่ายค่าเรียนปกติ 2. ไม่ไปเรียนแต่จ่ายค่ารักษาสภาพนักเรียนครึ่งนึง 3.ให้ลูกลาออกเลย ซึ่งเราเลือกข้อ 3 เพราะดูทรงแล้วที่นี่ยอดคนป่วยมีแต่พุ่ง ทำตัวนิ่งๆ และให้เงินอยู่นิ่งๆ ไว้ก่อนดีกว่า

พอลูกอยู่บ้านเต็มเวลาแบบนี้การจัดบ้านจึงสำคัญมาก เราก็จะจัดคล้ายๆ ที่โรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ที่ลูกเรียน คือจัดชุดกิจกรรมไว้เป็นถาดๆ ชุดวาดรูป ชุดตัดกระดาษ ชุดคุณหมอ ชุดเชฟ ตัวต่อ มีบันไดให้เขาปีนถึงที่ที่เขาต้องการไว้ตามจุดต่างๆ พอเขาเล่นเองได้ก็สบายไปหน่อยนึง เราแวะไปดูเป็นระยะๆ เวลาที่เหลือก็ทำครัว และดูลูกคนเล็กบ้าง

บ้านเราไม่มีพื้นที่ที่เป็นสนาม เราก็จัดโรงรถนี่แหละให้เป็นที่เล่นแบบหนักๆ หน่อย เช่น วาดรูปอะไรที่มันจะเละเทะมาก ปลูกต้นไม้ในกระถาง ดัดแปลงตู้เก่าๆ ทำเป็นบ่อทราย ซึ่งจริงๆ หลายอย่างเราก็พยายามทำไว้นานแล้ว เพิ่งได้ใช้อย่างจริงจังก็ช่วงนี้เอง

ในแต่ละวันช่วงลูกคนเล็กหลับตอนเช้า เราก็พยายามหากิจกรรมที่เป็นเมนคอร์สให้ลูกคนโต เช่น อบขนม ทำกับข้าว ปลูกต้นไม้ ทำงานศิลปะชิ้นใหญ่ๆ หรืออย่างช่วงนี้อีสเตอร์ ก็ตัดกระดาษกล่องเป็นรูปไข่ แล้วมาวาดตกแต่งบ้านกัน ส่วนบางวันที่นึกไม่ออกจริงๆ กันทั้งแม่ลูก ก็อาจจะแค่เปิดเพลงมันๆ เต้นกันไป ใช้พลังเยอะดีด้วย ทั้งหมดนี้เราค้นพบว่ามันสนุกดี ถึงแม้จะเหนื่อยมากก็ตาม ลูกก็แฮปปี้

ย้อนกลับมาว่า ถ้าจะยังให้ลูกไปโรงเรียน เขาก็มีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นนิดหน่อย เช่น วัดไข้ทุกคนก่อนเข้าห้องเรียน ห้ามผู้ปกครองไปส่งในห้องเรียน ห้ามทุกคนเข้าออกหลัง 9 โมงเช้า ตอนนี้ห้องเรียนของลูกคนโตมีเด็กไปโรงเรียนสองคนถ้วน ตอนไปเอาของของลูกกลับบ้านรู้สึกเห็นใจครูมาก

Q: เด็กๆ ที่บ้านมีความเข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรบ้าง

ก็พยายามเล่าให้เขาฟังแบบง่ายๆ ว่าตอนนี้ข้างนอกมีคนป่วยเยอะมาก ที่สนามเด็กเล่นปิด ที่ร้านอาหารปิดเพราะคนไม่สบายนี่แหละ แล้ววันก่อนเดินเล่นไปเจอพวกหนอนที่ตายอยู่แถวบ้านหลายตัว ก็เลยยกตัวอย่างว่า ตอนนี้คนป่วยเยอะแล้วหลับไปตลอดกาลแบบเจ้าหนอนพวกนี้แหละ ถ้าอยากตื่นมาเจอกันทุกวันต้องช่วยกันล้างมือบ่อยๆ นะ ลูกก็เหมือนจะกลัวๆ และเข้าใจมั้ง แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะให้ล้างมือทีไรก็ยากทุกที

Q: ในช่วงที่อยู่บ้านกับลูกแบบนี้ ในแต่ละวัน คุณแม่กับเด็กๆ ทำอะไรกันบ้าง  

คุณแม่เหรอ ทำกับข้าวสิ! อาหารนอกบ้านที่นี่มันแพง รสชาติก็ไม่ถูกปาก แล้วแม่ก็ค่อนข้างประสาทเสียกับเชื้อโรค หวั่นวิตกไปหมด ก็เลยเน้นทำเอง แล้วพอทุกคนอยู่บ้าน วันๆ ก็ทำกับข้าว เก็บล้าง ทำกับข้าว เก็บล้าง วนไป แล้วมีเบบี้วัยหัดกินด้วยก็ยิ่งเละเทะ

การทำอาหารบ่อยๆ นี่น่าจะเป็นจุดที่ยากและใช้ความอดทนที่สุดในชีวิตแล้ว สกิลตอนนี้คือทำกับข้าวได้เร็วกว่าร้านตามสั่งบางร้านอีก

คนสำคัญอีกคนในช่วงนี้คือสามี เขาเข้ามามีส่วนช่วยดูแลเด็กๆ และงานบ้านเยอะขึ้น เปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยขึ้น ชงกาแฟโถใหญ่ๆ ไว้ให้เราบ้าง หรืออาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ฝากอุ้มลูกแป๊บนึง ฝากอยู่บ้านตอนเด็กๆ หลับ แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละช่วยเราได้เยอะมาก และสามีเราจะพยายามให้ในแต่ละวันมีช่วงให้เราพักอยู่คนเดียวบ้าง เพราะการดูแลลูกสองคน และทำงานบ้านทำกับข้าวแบบบู๊ล้างโลกแบบนี้มันเครียดมากเหมือนกัน


Nidnok

‘นิดนก’ เป็นคุณแม่ของน้อง ณนญ / เป็นนักเขียนสาวเชิงรุก เจ้าของผลงานหนังสือ 'POWER BRIDE เจ้าสาวที่กลัวสวย' และ 'TO BE CONTINUE- โปรดติดตามตอนแต่งไป'

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST