‘เด็กซนเป็นเด็กฉลาด’  คือประโยคที่เราเคยได้ยินกันมานาน แต่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจถึงขั้นส่ายหัว เพราะอยากให้ลูกฉลาดก็จริง แต่ลูกเรานั้นก็ทั้งดื้อทั้งซน ทั้งรื้อของ ทั้งทำบ้านเลอะเทอะ ควบคุมอะไรไม่ได้ แต่อย่างว่าล่ะค่ะ การซนของเด็กเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะพวกเขากำลังเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ความดื้อและความซนของเด็กก็แตกต่างกันไปตามวิธีการเลี้ยงดูของแต่ละครอบครัว  เด็กบางคนซนเล็กน้อย บางคนซนมาก และบางคนซนเพราะคุณพ่อคุณแม่ตามใจ ปล่อยให้ลูกทำอะไรก็ได้

1. ลูกชอบกัด ตี และผลักคนอื่น

เด็กเล็ก เป็นช่วงวัยแห่งการกัด ข่วน ผลัก และตี ด้วยความไม่รู้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นถ้าลูกเริ่มลงมือตี ข่วน ผลัก หรือกัดคนอื่นเข้าละก็ คุณพ่อคุณแม่ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าการทำอย่างนั้น จะทำให้คนอื่นเจ็บตัวได้ เราจึงไม่ควรทำให้ใครเจ็บตัว ถ้าลูกเผลอทำอีก ก็ให้คุณพ่อคุณแม่บอกลูกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น และลูกเริ่มเรียนรู้ได้ในไม่ช้า แล้วถ้าเห็นว่าลูกเล่นกับคนอื่นอย่างนุ่มนวลและระมัดระวังมากขึ้นก็อย่าลืมที่จะพูดชมเขาด้วยนะคะ

2. ลูกชอบกรีดร้องตีโพยตีพาย

พฤติกรรมร้องไห้ อาละวาด ขว้างปาสิ่งของด้วยความโมโห เป็นอาการของเด็กที่ไม่สามารถหาวิธีสื่อสารความต้องการของตัวเองออกมาได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าไปกอดลูกอย่างนุ่มนวล และถ้าลูกยังไม่หยุดร้องไห้ ให้พาเขาออกไปจากบริเวณนั้น แล้วปล่อยให้เขาร้องไห้ออกมาให้สุด โดยมีคุณพ่อคุณแม่ยืนรออยู่ใกล้ๆ

3. ลูกชอบหยิบของคนอื่นหรือของจากร้านค้ากลับมา

บางทีลูกก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องการใช้เงินซื้อของ และการจ่ายเงินว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกเข้าใจว่าสิ่งของในร้านค้าหรือของคนอื่น ไม่ใช่ของที่เราจะหยิบกลับมาได้เฉยๆ อาจจะต้องขอเพื่อให้เจ้าของอนุญาตหรือหยิบไปจ่ายเงินให้เรียบร้อย แต่ถ้าลูกเผลอหยิบของคนอื่นติดมือกลับมาแล้วต้องหาทางเอากลับไปคืนด้วย

4. ลูกชอบแก้ผ้าในที่สาธารณะ

เด็กจะในช่วงวัยหนึ่งจะชอบสำรวจร่างกายของตัวเอง และไม่รู้ว่าที่ไหนที่สามารถทำได้หรือไม่ได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสอนให้ลูกรู้ว่า เมื่ออยู่นอกบ้านหรืออยู่ต่อหน้าคนอื่น เราจะไม่ถอดเสื้อ ถอดกางเกง หรือทำท่าทางที่ทำให้เสื้อผ้าเปิดขึ้นมาไม่เรียบร้อย แล้ววันหนึ่งลูกจะเริ่มเข้าใจและหวงแหนร่างกายของตัวเองมากขึ้น

5. ลูกชอบโกหกคุณพ่อคุณแม่

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรดุด่า เมื่อรู้ว่าลูกโกหกหรือไม่พูดตามความเป็นจริง แต่ให้ใช้การอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่ควรโกหก และบอกถึงผลเสียของการไม่พูดความจริง เช่น เมื่อลูกต้องการความช่วยเหลือก็อาจจะไม่มีคนเชื่อ  โดยไม่คาดหวังว่าเด็กจะเข้าใจตั้งแต่ครั้งแรก คุณพ่อคุณแม่อาจต้องใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไปกับลูกสักหน่อย

6. ลูกชอบวิ่งหนีไปไกลๆ

เวลาพาลูกออกไปข้างนอก เผลอแป๊บเดียวเจ้าตัวน้อยก็วิ่งปรู๊ดไปอีกทางอย่างว่องไว จนคุณพ่อคุณแม่วิ่งไล่จับแทบไม่ทัน

การที่ลูกชอบวิ่งหนีเป็นอีกพฤติกรรมที่แสนปกติสำหรับเด็กที่เพิ่งเดินหรือวิ่งได้ด้วยตัวเอง ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะหนีหายไปจากคุณพ่อคุณแม่ เขาเพียงสนุกกับการวิ่งและได้ใช้ขาตัวเองก็เพียงเท่านั้น

วิธีที่ดีที่สุดคือคุณพ่อคุณแม่จะต้องคอยอยู่ใกล้ลูกเสมอ บอกผลร้ายของการที่ลูกวิ่งห่างออกไปจากคุณพ่อคุณแม่ และมีข้อตกลงเล็กๆ เช่น เมื่อออกไปห้างสรรพสินค้าลูกจะต้องจับมือพ่อไว้ทุกครั้ง

อ้างอิง
babycenter
firstthingsfirst
parenting
bellybelly
bestofparenting