คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตไหมคะว่า ลูกของเราชอบใช้เวลาว่างไปกับกิจกรรมอะไรบ้าง เพราะสิ่งที่ลูกเลือกทำโดยไม่ได้ใครบอกหรือบังคับนั้นคือการแสดงออกถึงสิ่งที่เขาชอบ และสามารถนำมาพัฒนาเป็นงานอดิเรกได้เป็นอย่างดี
เด็กบางคนชอบวาดรูป บางคนชอบร้องเพลง บางคนชอบอ่านหนังสือ หรือบางคนก็ชอบที่จะทำอะไรหลากหลายอย่าง และอาจถึงขั้นหมกมุ่นอยู่กับความชอบนั้นๆ อยากที่จะทำสิ่งนั้นตลอดเวลา
ซึ่งพอลูกหมกมุ่นอยู่กับความชอบหรืองานอดิเรกของตัวเองมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องการแบ่งเวลาเพื่อทำสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น เรียนหนังสือ หรือละเลยหน้าที่รับผิดชอบบางอย่างของตัวเองได้
และหากคุณพ่อคุณแม่ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยสร้างความบาลานซ์หรือแบ่งเวลาให้เหมาะสม ก็อาจจะทำให้ลูกมีปัญหาตามมา เช่น ผลการเรียนแย่ลงอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นเด็กที่ขาดความใส่ใจในหน้าที่
ดังนั้นเราลองมาดูวิธีที่คุณพ่อคุณแม่จะช่วยลูกให้สามารถบาลานซ์ระหว่างงานอดิเรกกับหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองได้อย่างไรบ้าง
1. จัดตารางเวลาร่วมกัน
ถ้าปกติคุณพ่อคุณแม่เป็นคนกำหนดหรือจัดตารางเวลาให้ลูกฝ่ายเดียวแล้วละก็ ลองเปลี่ยนเป็นชวนลูกมานั่งคุยและวางแผนการใช้เวลาร่วมกัน จะทำให้ลูกเต็มใจที่จะทำตามตารางเวลาที่ตัวเองมีส่วนร่วมมากขึ้น
โดยคุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีถามความคิดเห็นจากลูกและบอกวิธีที่คุณพ่อคุณแม่แนะนำ เช่น กลับมาจากโรงเรียนแล้วแล้วลูกอยากจะทำการบ้านก่อนวาดรูป หรืออยากจะวาดรูปก่อนสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยทำการบ้าน แต่คุณแม่แนะนำว่าลูกควรทำการบ้านก่อน เพราะลูกจะมีเวลาวาดรูปมากขึ้นและไม่ต้องเป็นกังวลว่ายังไม่ได้ทำการบ้าน
2. กระตุ้นให้ลูกเป็นเด็กรักการเรียนรู้
การกระตุ้นให้ลูกเป็นเด็กรักการเรียนรู้ สนุกสนานกับสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ มีแนวโน้มที่เขาจะสร้างความสมดุลทั้งความชอบ และการเรียนได้ดี เพราะลูกจะรู้สึกตื่นเต้นและสนุกกับการทำกิจวัตรประจำวันได้ง่าย ช่วยให้ลูกไม่รู้สึกหมกมุ่นกับงานอดิเรกของตัวเองเพียงอย่างเดียว
3. เรียนให้เต็มที่ เรื่องความชอบก็เต็มที่
ผู้ใหญ่อย่างเราเวลาทำงานจนเหนื่อย ก็อยากจะพักผ่อน และใช้เวลาไปกับสิ่งที่ทำให้รู้สึกสบายใจเป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้นเมื่อลูกใช้เวลาครึ่งค่อนวันไปกับการเรียนแล้วก็ควรให้เวลาลูกได้ทำสิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่
การทำแบบนี้นอกจากจะทำให้ลูกสามารถบาลานซ์การเรียน และความชอบของตัวเองแล้ว ยังทำให้ลูกรู้สึกมีความสุขและมีแรงบันดาลใจในการทำหน้าที่ของตัวเองอีกด้วย
4. คิดถึงความสุขอยู่เสมอ
หลังจากคุณพ่อคุณแม่ช่วยลูกจัดการเวลาให้สมดุลแล้ว ก็อย่าลืมคำนึงถึงความสุขของลูก เพราะการได้ทำในสิ่งที่ชอบ ทำสิ่งที่ชอบจะทำให้ลูกมีสุขภาพจิตที่ดี พัฒนาการดี ลดปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมที่จะให้ลูกได้ทำความชอบของตัวเองควบคู่ไปกับคอยดูแลและบาลานซ์การใช้เวลาของลูกให้ดีนะคะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST