เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยหัดเดิน (toddler) เด็กๆ จะเริ่มอยากลองทำอะไรด้วยตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะอยากเดิน หรืออยากลองใส่รองเท้าออกไปเดินเล่นด้วยตัวเอง แต่ด้วยความที่กล้ามเนื้อและทักษะการช่วยเหลือตัวเองของลูกยังไม่สามารถใช้งานอย่างเต็มที่ บางครั้งกว่าจะรอให้ลูกน้อยใส่รองเท้าเองหนึ่งข้างก็ใช้เวลาไปนานหลายนาที
แล้วส่วนใหญ่แล้วคุณพ่อคุณแม่รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร บางครั้งอาจเป็นการใช้คำพูด เช่น บอกลูกว่า “เร็วๆ หน่อย” หรือบางครั้งก็อดใจไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปจัดการกับสิ่งที่ลูกกำลังพยายามทำอยู่ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก เพราะนอกจากจะทำให้ลูกรู้สึกเครียดแล้วยังปิดโอกาสการเรียนรู้ของลูกอีกด้วย
ดังนั้นแล้วเราลองไปดูกันดีกว่า ว่าจะทำอย่างไรให้เด็กน้อยต้วมเตี้ยมของเราสามารถทำอะไรได้รวดเร็วและเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น
1. บอกให้ลูกทำทีละสเต็ป
คุณพ่อคุณพ่อควรค่อยๆ สอนวิธีการลงมือทำอะไรให้ลูกทีละขั้นตอน ด้วยบอกให้ลูกค่อยๆ ทำทีละอย่าง เช่น ถ้าลูกจะใส่รองเท้าด้วยตัวเอง ต้องเริ่มจากการเดินเดินไปที่ประตูนะคะ หยิบรองเท้า แล้วค่อยๆ นั่งลงใส่ทีละข้าง ใส่ข้างขวาให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยใส่ข้างซ้าย การบอกขั้นตอนทีละอย่างจะทำให้ลูกค่อยๆ เรียนรู้และฝึกที่จะทำได้โดยไม่สับสนว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง
2. บอกให้ลูกรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องเจออะไรบ้าง
เด็กในช่วงวัยหัดเดินนั้นมักจะตั้งตัวไม่ทัน เมื่อต้องเปลี่ยนกิจกรรมอย่างกะทันหัน เช่น เมื่อลูกกำลังสนุกกับการอ่านหนังสือนิทาน แต่จู่ๆ จะต้องลุกไปกินข้าว หรือเล่นของเล่นอยู่แต่ต้องลุกไปอาบน้ำ และนั่นก็ทำให้เด็กๆ สับสน งอแง พาลไม่อยากทำ หรือทำอะไรช้าลง และบางครั้งก็งอแงบ่ายเบี่ยงที่จะทำกิจกรรมนั้นๆ ไปด้วย
วิธีที่ดีคือการบอกให้ลูกรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะต้องทำอะไรหรือต้องเจอกับอะไรต่อไปบ้าง เช่น หลังจากที่อ่านหนังสือนิทานเล่มนี้จบแล้ว หนูจะต้องไปกินข้าวนะคะ ซึ่งนอกจากการบอกแล้วอาจทำให้ลูกรู้สึกตื่นเต้นขึ้นด้วยการบอกถึงข้อดีในสิ่งที่ต้องทำถัดไป เช่น เล่นเสร็จแล้วเดี๋ยวเราจะต้องไปอาบน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรคกันนะคะ หรือจูงใจด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น เราไปเล่นเป่าฟองสบู่กันในห้องน้ำตอนอาบน้ำกันดีกว่า
3. ลดสิ่งรบกวนรอบตัว
เด็กวัยนี้จะเปลี่ยนความสนใจของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ สมาร์ตโฟน หรือของเล่นชิ้นใหม่ ดังนั้นแล้วก่อนที่จะให้ลูกทำอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะปิด หรือเก็บสิ่งที่อาจทำให้ลูกเบี่ยงเบนความสนใจเสียก่อน เพื่อให้เขามีสมาธิและทำสิ่งที่ต้องทำได้เร็วขึ้น
4. ให้รางวัลเล็กๆ เมื่อลูกทำได้ดีหรือทำทันเวลา
ช่วงแรกๆ ของการฝึก อาจใช้วิธีให้รางวัลเมื่อลูกทำสิ่งที่ควรทำได้ทันเวลา เช่น แต่งตัวเสร็จพอดีกับเวลาที่คุณแม่เตรียมอาหารบนโต๊ะเรียบร้อย ก็เลยได้ขนมเพิ่มเป็นรางวัล แล้วค่อยๆ เปลี่ยนไปฝึกอะไรที่ยากขึ้นต่อไป เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้ลูกทำต่อไปแล้ว ยังทำให้เขามีกำลังใจที่ดี มั่นใจในตัวเอง ไปจนถึงพัฒนาการด้านต่างๆ ก็ดีตามไปด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST