อีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่แสดงถึงการเติบโตและมีพัฒนาการสมวัยของลูก ก็คือวันที่คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจว่าลูกน้อยของเราจะต้องเลิกใช้ขวดนมสักที

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า เมื่อลูกน้อยเริ่มมีอาการคันเหงือก เพราะฟันกำลังขึ้น ให้คุณแม่เริ่มนึกถึงการเลิกขวดนมได้เลย เพราะขวดนมจะยับยั้งการเจริญเติบโตของฟันลูกน้อย แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงวัยที่เหมาะสมกับการฝึกลูกให้เลิกใช้ขวดนมที่สุดคือเมื่อลูกอายุ 1 ขวบ หรือไม่เกิน 1 ขวบครึ่ง เพราะเป็นวัยที่ลูกสามารถหัดดื่มหรือจิบน้ำจากถ้วยหัดดื่มหรือแก้วเองได้ และหากปล่อยให้ลูกใช้ขวดนมต่อเนื่องและยาวนานไปจนถึง 2 ขวบ ก็จะยิ่งฝึกให้เลิกได้ยาก และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและฟัน โดยเฉพาะการปล่อยให้ลูกนอนกินนมจากขวดนมจนหลับไปก็จะทำให้ลูกฟันผุได้

นอกจากนี้ เด็กที่ติดการดูดขวดนมมากเกินไป อาจทำให้ลักษณะฟันผิดปกติ เกิดเป็นฟันยื่น ฟันเหยิน และกลายเป็นปัญหาทางบุคลิกภาพต่อไป

แต่การฝึกลูกให้เลิกใช้ขวดนม คุณพ่อคุณแม่อาจต้องใช้ทั้งเวลาและความใจแข็งกับลูกสักหน่อย เพราะไม่ใช่เริ่มวันนี้แล้วพรุ่งนี้ลูกจะเลิกได้เลย เราจึงมี 4 เทคนิควิธี มาช่วยคุณพ่อคุณแม่ในภารกิจบอกลาขวดนมลูกมาฝากค่ะ

1. ค่อยๆ ลดการใช้ขวดนมทีละนิด

วิธีการที่ดีที่สุดในการช่วยให้ลูกเลิกกินนมจากขวด คือค่อยๆ ลดการใช้ขวดนม ด้วยการลองให้ลูกกินนมจากถ้วยหัดดื่มหรือแก้วที่มีหูจับแทน และอาจเปลี่ยนเป็นการให้ใช้ขวดนมในการกินน้ำเปล่าเท่านั้น ส่วนนมหรือน้ำผลไม้อื่นๆ ให้กินด้วยแก้ว ก็จะทำให้ลูกค่อยๆ ลดความสนใจที่มีต่อขวดนมไปโดยปริยาย

2. อธิบายว่าลูกโตพอที่จะใช้แก้วน้ำแล้ว

แรงจูงใจที่สำคัญสำหรับเด็กๆ คือการที่คุณพ่อคุณแม่บอกว่าเขาโตพอที่จะทำอะไรที่ยากและท้าทายกว่าเดิม การเลิกใช้ขวดนมก็เช่นกัน

คุณพ่อคุณแม่อาจจะอธิบายให้ลูกเข้าใจว่ามีเพียงทารกที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้นที่ควรใช้ขวดนม ส่วนเด็กที่โตแล้วจะใช้แก้วน้ำเหมือนผู้ใหญ่ได้ วิธีการนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกอยากเลิกใช้ขวดนมมากขึ้น เพราะอยากโตขึ้นนั่นเอง

3. ให้ลูกเลือกแก้วน้ำของตนเอง

เมื่อลูกโตพอที่จะเลิกใช้ขวดนมได้ คุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูกไปเลือกซื้อแก้วน้ำใบโปรดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกอยากใช้แก้วน้ำของตัวเองในชีวิตประจำวันแทนขวดนมที่คุ้นเคย

4. ไม่บังคับและให้เวลาลูก

ไม่ว่าจะใช้เทคนิคอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องให้เวลาลูกในการปรับตัวบ้าง และระหว่างเส้นทางของการเลิกขวดนม ลูกน้อยอาจมีพฤติกรรมบางอย่างเข้ามาแทนการดูดขวดนมได้ เช่น เด็กบางคนไม่ได้นอนหลับไปพร้อมการดูดขวดนม ก็เปลี่ยนเป็นการดูดนิ้วตัวเองแทน

คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจว่า การฝึกให้ลูกเลิกทำในสิ่งที่คุ้นเคยย่อมต้องใช้เวลา และเด็กแต่ละคนก็ต้องการเวลาที่ต่างกัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องยอมที่จะอดทนรอให้ถึงเวลาที่ลูกทำได้โดยไม่บังคับและฝืนใจลูกมากเกินไปด้วยนะคะ

อ้างอิง
thaipediatrics
synphaet