ปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราทุกคนอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ ที่บางครั้งอาจจะใกล้ชิดและรู้จักวิธีการใช้งานสื่อออนไลน์ไม่น้อยไปกว่าคุณพ่อคุณแม่
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้าถึงเทคโนโลยีของเด็กๆ ก็มีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับว่าคุณพ่อคุณแม่จะปลูกฝังให้ลูกมีความรู้ความเข้าใจในการรับสารที่ได้มามากแค่ไหน
มีงานวิจัยจาก Education Policy Institute ประเทศอังกฤษ ระบุว่า การเลี้ยงลูกในยุคที่มีเทคโนโลยีอยู่รอบตัวนั้น ผู้ปกครองควรให้ความรู้และความเข้าใจกับเด็กมากกว่าที่จะปิดกั้น เพราะถ้าหากสอนกันด้วยเหตุผลและความเข้าใจ ก็มีโอกาสที่เด็กจะได้ประโยชน์ และมีพัฒนาการจากการเรียนรู้ที่มากกว่า รวมถึงเด็กจะได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายที่อาจแฝงมากับอินเทอร์เน็ต เช่น การโจมตีด้วยถ้อยคำ (Cyberbully) และการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) อีกด้วย
ถ้าหากปล่อยให้ลูกขาดความรู้เท่าทันหรือวิเคราะห์สิ่งที่ได้รับมาจากอินเทอร์เน็ตไม่เป็น โดยเฉพาะการเสพสื่อหรือคอนเทนต์ที่เต็มไปด้วยข้อความหรือถ้อยคำที่ใช้ตำหนิ ต่อว่า หรือโจมตีคนอื่น (hate speech)
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรมีวิธีให้ความรู้ความเข้าใจลูก และสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อลูกต้องเติบโตและอยู่ในยุคที่มี hate speech ในสื่อต่างๆ รอบตัว ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1. ที่บ้านต้องปราศจากการใช้ hate speech
เริ่มจากตัวคุณพ่อคุณแม่เอง เมื่อต้องอยู่หรือพบเจอสถานการณ์ที่ไม่น่าพอใจนัก ก็ไม่ควรแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำรุนแรงหรือหยาบคาย แต่ควรเลือกใช้ถ้อยคำทั่วไปอย่างมีเหตุและผล เพื่อให้ลูกเรียนรู้ว่าแม้จะพอใจ หรือไม่เห็นด้วย เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำที่ไม่ดีหรือแฝงไปด้วยความเกลียดชังในการแสดงออก
2. รู้เท่าทันสื่อ
ในยุคที่สังคมขับเคลื่อนด้วยสื่อออนไลน์ การใช้โซเชียลมีเดีย ก็เป็นอีกช่องทางในการรับสื่อที่มีทั้งข้อมูลที่จริงและไม่จริง บางครั้งลูกก็อาจได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมา คุณพ่อคุณแม่จึงควรพูดคุยกับลูก และเป็นคนอธิบายข้อเท็จจริงของข่าวหรือเรื่องราวต่างๆ ให้ลูกฟังด้วยตัวเอง คุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่ควรแชร์ข้อมูลที่ไม่มีที่มาที่ตรวจสอบได้ และสอนให้ลูกรู้วิธีตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาด้วยตัวเอง เพื่อให้ลูกไม่ตกเป็นเหยื่อของการเผยแพร่ข่าวปลอมในสังคมออนไลน์โดยง่าย
3. ไม่ควรเครียดกับสถานการณ์ต่างๆ มากเกินไป
เมื่อเกิดประเด็นที่น่าสนใจในสังคม สื่ออาจจะเลือกนำเสนอเนื้อหาในด้านของขัดแย้ง ซึ่งนำมาสู่การแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงและเสียดสี
เมื่อรับข่าวดังกล่าวมากเกินไปก็อาจเป็นความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินจำเป็น เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้คำแนะนำและเตือนสติลูกในการเสพข่าวต่างๆ ทุกครั้ง
4. ไม่ส่งต่อ hate speech
การแชร์หรือส่งต่อเนื้อหาที่มี hate speech ในอินเทอร์เน็ต จะยิ่งเป็นการส่งต่อความรุนแรงและกระตุ้นให้มีการแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงต่อเนื่องออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือแนะนำลูกว่าก่อนที่จะโพสต์ข้อความในอินเทอร์เน็ต ควรใช้สติคิดและทบทวนทุกครั้งว่าข้อความนั้นจะไปกระทบผู้อื่นหรือไม่ และลูกไม่ควรโพสต์ข้อความด้วยอารมณ์หรือความคึกคะนอง รวมถึงไม่เป็นผู้เผยแพร่และกระตุ้นให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงต่อไป
COMMENTS ARE OFF THIS POST