ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่สังคมเริ่มให้ความสำคัญ แต่การกลั่นแกล้ง หรือล้อเลียนให้อับอาย ไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียนรูปร่างหน้าตา ล้อเลียนปมด้อย ล้อเลียนบุคลิก ภาพ ก็ยังเป็นหนึ่งในปัญหาที่เด็กหลายคนพบเจอในสังคมโรงเรียนและหลีกเลี่ยงได้ยากเต็มทีจากรายงานของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2561 ประเทศไทยมีสถิติความรุนแรงหรือการกลั่นแกล้งรังแกกันในโรงเรียนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก (ที่มา) ซึ่งความรุนแรงนี้เริ่มพบได้ตั้งแต่เด็กในวัยอนุบาลเลยทีเดียว
การจะลดปัญหาดังกล่าวได้ ต้องเริ่มจากครอบครัวที่ปลูกฝังทัศนคติและพฤติกรรมที่ดี สอนให้ลูกรู้จักให้เกียรติและยอมรับความแตกต่างของคนอื่น เพื่อไม่ให้ลูกต้องกลายเป็นผู้ทำร้ายคนอื่น และยังควรเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกมีทักษะในการปกป้องและเยียวยาจิตใจตัวเองจากการถูกกลั่นแกล้งอีกด้วย จะมีวิธีอะไรบ้างลองมาอ่านกันดูค่ะ
1. สอนให้ลูกมีทักษะในการเข้าสังคม
ทักษะการเข้าสังคม หรือ social skill คือความสามารถในการปรับตัว และใช้ความสามารถของตัวเองสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำให้ลูกสามารถเรียนรู้วิธีการอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม รู้จักยอมรับความแตกต่าง และปรับตัวเข้าหาผู้อื่นคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกให้ลูกมีทักษะในการเข้าสังคมได้ผ่านการเล่น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นจำลองสถานการณ์ เล่นบทบาทสมมติ หรือพาลูกไปเล่นกับเพื่อนต่างเพศต่างวัยบ่อยๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกรู้วิธีปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้
2. ส่งเสริมให้ลูกมองเห็นคุณค่าของตัวเอง
เด็กแต่ละคนจะมีวิธีรับมือและความอดทนต่อการถูกกลั่นแกล้งไม่เท่ากัน และเด็กก็ไม่สามารถรับมือกับความอึดอัดและกดดันได้ดีเท่าผู้ใหญ่ ถ้าลูกไปโรงเรียนแล้วเกิดปัญหา เพื่อนแกล้ง หรือเพื่อนล้อเลียนให้อับอาย ก็มักจะเกิดอาการไม่อยากไปโรงเรียน กลัวคนแปลกหน้า และสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
ทางที่ดี คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นคนที่คอยเติมความมั่นใจนั้นให้ลูกด้วยการทำให้ลูกมองเห็นข้อดีของตัวเอง คุณค่าของตัวเอง และภาคภูมิใจในตัวเอง ถ้าลูกมีความมั่นใจในตัวเองมากพอ ก็จะสามารถปกป้องจิตใจตัวเองไม่ให้หวั่นไหวจากการถูกล้อเลียนหรือลดทอนคุณค่าของคนอื่นได้
3. สอนให้ลูกเข้มแข็งแต่ไม่ก้าวร้าว
คุณพ่อคุณแม่บางคนไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กอ่อนแอในสายตาคนอื่น จึงพยายามสอนให้ลูกรู้จักตอบโต้เมื่อถูกรังแก
แต่ในทางหลักจิตวิทยาแล้ว เด็กที่ชอบแกล้งเพื่อน เพราะรู้สึกว่าตัวเองดีกว่าหรือเก่งกว่า เมื่ออีกฝ่ายแสดงออกถึงความอ่อนแอ เช่น หวาดกลัวหรือร้องไห้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องสอนให้ลูกตอบโต้ด้วยความรุนแรง แต่ควรสอนให้ลูกรู้วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เช่น บอกเพื่อนว่าไม่ชอบให้ทำอย่างนี้ และถ้าไม่ได้ผล ให้ลูกกล้านำปัญหาไปเล่าให้คุณครู หรือบอกให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยจัดการ
4. ทำบ้านให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยเสมอ
เด็กที่รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจากครอบครัวของตัวเอง จะสามารถรับมือกับปัญหาที่พบเจอนอกบ้านได้ดีขึ้น
แต่การเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับลูก ไม่ใช่แค่การมีคุณพ่อคุณแม่ที่รักและห่วงใยลูกเท่านั้น แต่คุณพ่อคุณแม่ยังควรเป็นคนที่เปิดใจรับฟังปัญหาของลูก ให้อภัยและให้โอกาส ไม่ตัดสินลูก เพื่อให้ลูกเกิดความไว้ใจและสบายใจที่จะบอกเล่าเรื่องราวทุกเรื่องที่เจอให้ฟัง เมื่อเกิดปัญหาคุณพ่อคุณแม่จะได้ช่วยคิดหาทางแก้ไขได้ทัน
5. คุณพ่อคุณแม่ต้องมีสติในการแก้ปัญหา
ถึงแม้ว่าการกลั่นแกล้งรังแกจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องยอมรับว่าสำหรับเด็กๆ แล้วการกระทบกระทั่ง ผิดใจ หรือใช้ความรุนแรงเล็กๆ น้อยๆ อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจและเป็นไปตามกระบวนการหนึ่งของการเจริญเติบโต
ดังนั้นหากพบว่าลูกเป็นฝ่ายถูกแกล้งหรือเป็นคนที่รังแกคนอื่น คุณพ่อคุณแม่ควรใจเย็นและตั้งสติ ไม่ควรใช้วิธีรุนแรง ตำหนิ หรือต่อว่าให้ลูกอับอายต่อหน้าคนอื่น เพราะอาจทำให้เกิดบาดแผลใหม่ในใจลูกได้ ควรหาทางพูดคุยกับลูก ปรึกษาคุณครู หรือนักจิตวิทยาเด็กเพื่อช่วยกับหาทางแก้ไขอย่างเหมาะสมต่อไป
COMMENTS ARE OFF THIS POST