คุณพ่อคุณแม่เคยรู้สึกผิดหวังและเสียใจเวลาที่บอกหรือเตือนลูกให้ลูกทำหรือไม่ทำอะไร แล้วลูกกลับไม่เชื่อฟัง ไม่ทำตาม และยังพยายามทำไปในทางตรงข้าม
ทั้งที่เป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่ทุกคนต้องพยายามปกป้อง เลือกสรร และจัดการสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ แต่กลับกลายเป็นการ ก้าวก่ายชีวิตลูก มากเกินไป
ดังนั้น ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรักและหวังดีต่อลูกมากแค่ไหน ก็ต้องพยายามรักษาระยะ ให้ความเป็นส่วนตัว และเคารพการตัดสินใจของลูก ไม่ให้ความหวังดีนั้นกลายเป็นการ ก้าวก่ายชีวิตลูก เพราะแทนที่จะได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ อาจส่งผลเสียต่อลูกได้
1. ทำให้ลูกชอบตำหนิตัวเอง
การที่คุณพ่อคุณแม่คอยจัดการและก้าวก่ายชีวิตลูกมากเกินไป อาจทำให้ลูกไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าตัดสินใจ กลัวความผิดพลาด และมักจะตำหนิตัวเองเมื่อทำอะไรผิดไปจากความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่
2. ทำให้ลูกมี EF ต่ำ
EF หรือ Executive Function คือ ทักษะกระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์และวางแผนขั้นสูง เด็กที่มี EF ดีจะสามารถแก้ไขปัญหาหรือผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ด้วยตนเอง รวมถึงสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
แต่หากลูกโตมากับการที่คุณพ่อคุณแม่คอยจัดการทุกอย่างในชีวิต ย่อมเป็นการปิดกั้นโอกาสที่ลูกจะได้ฝึกฝนทักษะ EF ส่งผลให้ลูกมีปัญหาการควบคุมอารมณ์ หงุดหงิดง่าย หุนหันพลันแล่น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง รวมถึงมีความจำที่ไม่ดีอีกด้วย
3. ทำให้ลูกต้องการระยะห่างจากคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น
เมื่อพ่อแม่เข้าไปจัดการชีวิตลูกมากเกินไป ทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดและเก็บกด ส่งผลให้ทำตัวห่างเหิน เก็บตัว ไม่อยากพูดคุยหรือเปิดใจคุยกับคุณพ่อคุณแม่ และเริ่มพยายามแยกตัวออกห่างจากความสัมพันธ์ในครอบครัวในที่สุด
4. ทำให้ลูกมีปัญหาสุขภาพจิต
มีผลวิจัยที่ถูกตีพิมพ์โดย Journal of Personality โดยสำรวจจากนักเรียนชาวสิงคโปร์อายุ 7 ปี จำนวน 263 คน ในตลอดระยะเวลา 5 ปี พบว่า พ่อแม่ที่คาดหวังกับผลการเรียนของลูก จะเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของลูก และเมื่อลูกทำผิดพลาดก็มักจะแสดงพฤติกรรมรุนแรง เมื่อเวลาผ่านไป พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้ลูกเกิดความเครียด กดดัน และพัฒนาไปเป็นปัญหาสุขภาพจิตได้ในที่สุด
COMMENTS ARE OFF THIS POST