READING

ลูกชอบพูดตะคอก: 5 วิธีรับมือและแก้ไขพฤติกรรมลูกชอบ...

ลูกชอบพูดตะคอก: 5 วิธีรับมือและแก้ไขพฤติกรรมลูกชอบตะคอกพ่อแม่

ลูกชอบพูดตะคอก

คุณพ่อคุณแม่ย่อมอยากให้ลูกมีนิสัยและพฤติกรรมที่ดีตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อช่วยให้ลูกเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ดี

แต่ถึงจะพยายามแค่ไหน ลูกก็มักจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการดื้อ เถียง ไม่เชื่อฟัง ต่อต้าน รวมถึง ลูกชอบพูดตะคอก หรือใช้เสียงดังกับคุณพ่อคุณแม่ คุณครู หรือแม้แต่กับเพื่อนวัยเดียวกัน เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ

แม้ว่าการตะคอก ตะโกน หรือพูดจาเสียงดัง อาจเป็นเพียงพฤติกรรมหนึ่งในพัฒนาการตามช่วงวัยของลูก แต่หากคุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกใช้วิธีพูดตะคอกคนอื่นต่อไปเรื่อยๆ อาจทำให้ลูกเคยชิน และยากที่จะแก้ไขต่อไปได้

แล้วคุณพ่อคุณแม่จะรับมือและแก้ไขพฤติกรรม ลูกชอบพูดตะคอก อย่างไร เรามีแนวทางดีๆ มาบอกค่ะ

1. เข้าใจต้นเหตุของพฤติกรรม

kidscream_web_1

พฤติกรรมพูดตะคอก ตะโกน หรือใช้เสียงดังกับคนอื่นอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ความหงุดหงิด ความเครียด หรือแสดงออกเพราะเบื่อหน่ายและเหนื่อยล้า หรือการที่ลูกรู้สึกว่าไม่ได้รับการรับฟังหรือตอบสนองจากคนรอบข้าง

อย่างแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือการหาสาเหตุที่ทำให้ลูกต้องตะคอกหรือพูดเสียงดังขึ้นมา ด้วยการตั้งคำถามอย่างอ่อนโยน และเปิดโอกาสให้ลูกได้อธิบายความในใจ เช่น ลูกอาจเคยพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาหลายครั้งแล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่เพิกเฉย หรือลูกรู้สึกร้อนใจกับเรื่องนั้นๆ มากเป็นพิเศษ การให้โอกาสลูกอธิบายจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจที่มาของปัญหา และสามารถหาทางรับมือได้อย่างเหมาะสม

2. ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง

kidscream_web_2

เมื่อลูกมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการควบคุมอารมณ์และตอบสนองของคุณพ่อคุณแม่ เช่น หากลูกตะคอกคุณพ่อคุณแม่ แล้วได้รับการตอบสนองเป็นการตะคอกกลับ เสียงดัง หรือแสดงความโกรธกลับไป ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ลูกจะเรียนรู้ว่าการตะคอกกันเป็นเรื่องที่สามารถทำได้

ดังนั้น แม้จะโกรธและอยากตอบโต้ลูกมากแค่ไหน ก็ขอให้คุณพ่อคุณแม่หยุดพักแล้วหายใจลึกๆ ก่อนที่จะตอบสนองความต้องการของลูก เช่น บอกกว่า “แม่ไม่ชอบที่ลูกพูดตะคอก ดังนั้นขอเวลาสักนิดเพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วเราค่อยมาคุยกัน” การแสดงตัวอย่างการจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสมเป็นวิธีหนึ่งที่ลูกจะเรียนรู้ได้โดยตรงจากคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง

3. สอนกติกาการพูดคุยในครอบครัว

kidscream_web_3

การตั้งกติกาชัดเจนเกี่ยวกับการพูดคุยในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อคุณแม่ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าการพูดตะคอกไม่ใช่วิธีการสื่อสารที่เหมาะสม และส่งผลให้ผู้อื่นไม่อยากรับฟัง เช่น “ถ้าหนูตะโกนแบบนี้ แม่จะไม่สามารถฟังสิ่งที่หนูต้องการได้เลย” จากนั้นตั้งกติกาใหม่ เช่น “ถ้าหนูต้องการพูดอะไร ขอให้พูดด้วยน้ำเสียงปกติ แม่จะรับฟังทุกคำพูดของหนู” เมื่อลูกเข้าใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูดเสียงดังเพื่อดึงดูดความสนใจ เขาจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทิศทางที่ดีขึ้น

4. สอนวิธีจัดการอารมณ์

kidscream_web_4

เด็กบางคนพูดตะคอกเพราะไม่รู้วิธีจัดการกับความรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกเรียนรู้วิธีสงบสติอารมณ์ เช่น การหายใจลึกๆ การนับเลข หรือการใช้คำพูดแทนการแสดงออกด้วยเสียงดัง เช่น แทนที่จะตะคอกว่า “หนูโกรธ!” ลูกอาจพูดว่า “หนูรู้สึกไม่พอใจเพราะ…” ก็จะสามารถช่วยให้ลูกเรียนรู้การจัดการอารมณ์ในทางที่สร้างสรรค์ขึ้นได้

นอกจากนี้ การแสดงพฤติกรรมเชิงบวกเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ลูกมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นได้ เช่น เมื่อลูกพูดจาดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจแสดงความชื่นชมทันที การชมเชยที่จริงใจและระบุพฤติกรรมที่ดีอย่างชัดเจน จะช่วยให้ลูกจดจำและอยากทำซ้ำต่อไป

5. ไม่ละเลยหากพฤติกรรมยังรุนแรง

kidscream_web_5

หากคุณพ่อคุณแม่พยายามปรับพฤติกรรมลูกด้วยวิธีต่างๆ แล้ว แต่ลูกก็ยังคงติดใช้การพูดตะคอกเป็นประจำ หรือเริ่มมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพฤติกรรมเด็ก เพื่อช่วยกันหาวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับลูกต่อไป

 

อ่านบทความ: ทักษะสังคม (Social Skills) : 4 พฤติกรรมการเลี้ยงดูที่อาจส่งผลต่อการเข้าสังคมของลูกได้
อ้างอิง
askmomparenting
babycenter

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST